ไขทุกข้อสงสัย “มะเร็งเต้านม”: ทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงและแนวทางการป้องกัน
“มะเร็งเต้านม” ไม่เพียงเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด แต่ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้หญิงทั่วโลกและในประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในปี 2020 มีผู้หญิงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมถึง 2.3 ล้านคนทั่วโลก (Sung et al., 2021) แม้ว่ามะเร็งเต้านมในผู้ชายจะพบได้น้อยมาก แต่ก็มีความสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน การทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงต่างๆ จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเฝ้าระวังและลดโอกาสการเกิดโรค
ทำไม “มะเร็งเต้านม” จึงเป็นมะเร็งร้ายอันดับ 1 ของผู้หญิง?
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยร่วมกัน แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียวได้ แต่การวิจัยทางการแพทย์ได้ระบุถึงปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคไว้อย่างกว้างขวาง ดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
-
อายุที่เพิ่มขึ้น: อายุเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังอายุ 50 ปี
-
พันธุกรรมที่สืบทอด: ประมาณ 5-10% ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยยีนที่สำคัญที่สุดคือ BRCA1 และ BRCA2 ผู้หญิงที่มียีน BRCA1 กลายพันธุ์มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมตลอดชีวิตสูงถึง 72% (Kuchenbaecker et al., 2017)
-
ประวัติคนในครอบครัว: การมีญาติสายตรง (แม่ พี่สาว หรือลูกสาว) ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม จะเพิ่มความเสี่ยงของผู้หญิงคนนั้นขึ้นเป็นสองเท่า (Collaborative Group on Hormonal Factors in Breast Cancer, 2001)
-
ประวัติการเป็นมะเร็งเต้านมข้างหนึ่ง: ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งขึ้นใหม่ที่เต้านมอีกข้าง (เรียกว่า Contralateral Breast Cancer) สูงกว่าคนทั่วไป (Chen et al., 2017)
-
ประวัติการมีโรคเต้านมชนิดไม่ร้ายแรงบางชนิด: การเคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะเซลล์เจริญผิดปกติ เช่น Atypical Hyperplasia จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมในอนาคตสูงขึ้น 4-5 เท่า (Hartmann et al., 2005)
-
การได้รับรังสีบริเวณหน้าอก: การเคยได้รับการฉายรังสีรักษาบริเวณหน้าอก โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่น (เช่น การรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมาก (Travis et al., 2005)
ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและไลฟ์สไตล์
-
ปัจจัยด้านการเจริญพันธุ์: ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายสัมผัสกับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยง ได้แก่ การมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี, การหมดประจำเดือนช้ากว่าอายุ 55 ปี, และการมีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี หรือการไม่เคยมีบุตร (Collaborative Group on Hormonal Factors in Breast Cancer, 2012)
-
การใช้ฮอร์โมนทดแทน: การใช้ฮอร์โมนทดแทนในวัยหมดประจำเดือนชนิดฮอร์โมนผสม (เอสโตรเจนและโปรเจสติน) มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมอย่างชัดเจน ดังที่พบในการศึกษาครั้งประวัติศาสตร์อย่าง Million Women Study (Beral et al., 2003)
-
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: มีหลักฐานที่หนักแน่นว่าการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณที่ดื่ม (Bagnardi et al., 2015)
-
ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน: โดยเฉพาะในวัยหลังหมดประจำเดือน เนื้อเยื่อไขมันจะกลายเป็นแหล่งผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนหลัก ทำให้ผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนมีความเสี่ยงสูงขึ้น (World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research, 2018)
การสังเกตอาการและการตรวจคัดกรอง
การตระหนักรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองเป็นสิ่งสำคัญ สัญญาณที่ควรสังเกต ได้แก่ การคลำพบก้อนในเต้านมหรือใต้รักแร้, การเปลี่ยนแปลงของขนาดหรือรูปร่างของเต้านม, การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง (เช่น รอยบุ๋ม ผิวหนังคล้ายเปลือกส้ม), หรือมีของเหลวผิดปกติไหลออกจากหัวนม
อย่างไรก็ตาม การรอให้เกิดอาการอาจสายเกินไป วิธีที่ดีที่สุดในการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นคือ การตรวจคัดกรองด้วยเครื่องแมมโมแกรม (Mammogram) ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่าสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ (Marmot et al., 2012) ผู้หญิงทั่วไปควรปรึกษาแพทย์เพื่อเริ่มการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอเมื่อมีอายุ 40 ปีขึ้นไป
เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)
-
Bagnardi, V., Rota, M., Botteri, E., Tramacere, I., Islami, F., Fedirko, V., … & La Vecchia, C. (2015). Alcohol consumption and site-specific cancer risk: a comprehensive dose-response meta-analysis. British Journal of Cancer, 112(3), 580–593. https://doi.org/10.1038/bjc.2014.579
-
Beral, V., & Million Women Study Collaborators. (2003). Breast cancer and hormone-replacement therapy in the Million Women Study. The Lancet, 362(9382), 419–427. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(03)14065-2
-
Chen, Y., Wu, F., Wang, Y., Lin, Y., & Li, P. (2017). A meta-analysis of the risk of subsequent contralateral breast cancer in BRCA1 and BRCA2 mutation carriers. The Breast, 36, 53-61. https://doi.org/10.1016/j.breast.2017.09.006
-
Collaborative Group on Hormonal Factors in Breast Cancer. (2001). Familial breast cancer: collaborative reanalysis of individual data from 52 epidemiological studies including 58,209 women with breast cancer and 101,986 women without the disease. The Lancet, 358(9291), 1389–1399. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(01)06524-2
-
Collaborative Group on Hormonal Factors in Breast Cancer. (2012). Menarche, menopause, and breast cancer risk: individual participant meta-analysis, including 118 964 women with breast cancer from 117 epidemiological studies. The Lancet Oncology, 13(11), 1141–1151. https://doi.org/10.1016/S1470-2045(12)70425-4
-
Hartmann, L. C., Sellers, T. A., Frost, M. H., Lingle, W. L., Degnim, A. C., Ghosh, K., … & Visscher, D. W. (2005). Benign breast disease and the risk of breast cancer. New England Journal of Medicine, 353(3), 229–237. https://doi.org/10.1056/NEJMoa044383
-
Kuchenbaecker, K. B., Hopper, J. L., Barnes, D. R., Phillips, K. A., Mooij, T. M., Roos-Blom, M. J., … & Antoniou, A. C. (2017). Risks of breast, ovarian, and contralateral breast cancer for BRCA1 and BRCA2 mutation carriers. JAMA, 317(23), 2402–2416. https://doi.org/10.1001/jama.2017.7112
-
Marmot, M. G., Altman, D. G., Cameron, D. A., Dewar, J. A., Thompson, S. G., & Wilcox, M. (2012). The benefits and harms of breast cancer screening: an independent review. The Lancet, 380(9855), 1778–1786. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(12)61611-0
-
Sung, H., Ferlay, J., Siegel, R. L., Laversanne, M., Soerjomataram, I., Jemal, A., & Bray, F. (2021). Global cancer statistics 2020: GLOBOCAN estimates of incidence and mortality worldwide for 36 cancers in 185 countries. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 71(3), 209–249. https://doi.org/10.3322/caac.21660
-
Travis, L. B., Hill, D. A., Dores, G. M., Gospodarowicz, M., van Leeuwen, F. E., Holowaty, E., … & Gilbert, E. (2005). Breast cancer following radiotherapy and chemotherapy among young women with Hodgkin disease. JAMA, 290(4), 465-475. https://doi.org/10.1001/jama.290.4.465