แน่นอนค่ะ บทความนี้ได้รับการปรับแก้และเรียบเรียงใหม่โดยอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยและแนวปฏิบัติทางคลินิกที่น่าเชื่อถือ 10 ฉบับ เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง แม่นยำ และครอบคลุมประเด็นสำคัญเกี่ยวกับผื่นที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
ผื่นกับเชื้อ HIV: สัญญาณเตือนและผลข้างเคียงที่ต้องรู้
อาการทางผิวหนังเป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โดยประมาณ 90% ของผู้ป่วยจะพบความผิดปกติทางผิวหนังในระยะใดระยะหนึ่งของโรค (Kaplan et al., 2009) “ผื่น” เป็นอาการสำคัญที่อาจเป็นสัญญาณแรกของการติดเชื้อเฉียบพลัน หรืออาจเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านไวรัสก็ได้ การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุ ลักษณะ และการจัดการผื่นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพของผู้ติดเชื้อ
สาเหตุหลักของการเกิดผื่นในผู้ติดเชื้อ HIV
ผื่นในผู้ติดเชื้อ HIV สามารถแบ่งสาเหตุหลักๆ ได้ดังนี้:
- การติดเชื้อเฉียบพลัน (Acute Retroviral Syndrome – ARS):ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังรับเชื้อ ผู้ป่วยประมาณ 40-90% จะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเรียกว่า ARS โดยหนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุดคือ “ผื่นแดง” (Maculopapular rash) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงราบหรือนูนเล็กน้อย มักขึ้นบริเวณลำตัวส่วนบน ใบหน้า และอาจลามไปที่แขนขาได้ ผื่นชนิดนี้มักไม่คันและจะหายไปได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์ (Sax & Trakman, 2024)
- ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy – ART):ยาต้านไวรัสหลายชนิดอาจทำให้เกิดผื่น ซึ่งเป็นปฏิกิริยาการแพ้ยา (Drug Hypersensitivity) โดยมีความรุนแรงแตกต่างกันไป:
- ผื่นแพ้ยาทั่วไป: มักเกิดจากยาในกลุ่ม Non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs) เช่น Nevirapine และ Efavirenz ซึ่งเป็นสาเหตุของผื่นที่พบบ่อยที่สุด (Carr & Cooper, 2000)
- ปฏิกิริยาภูมิไวเกินจากยา Abacavir (Abacavir Hypersensitivity Reaction – AHR): เป็นปฏิกิริยาที่รุนแรงและจำเพาะกับยา Abacavir ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับการมียีน HLA-B*5701 ปัจจุบันจึงมีการแนะนำให้ตรวจยีนนี้ก่อนเริ่มใช้ยาเสมอเพื่อป้องกันปฏิกิริยาดังกล่าว (Mallal et al., 2008)
- ผื่นแพ้ยารุนแรง (Severe Cutaneous Adverse Reactions – SCARs): แม้จะพบได้น้อย แต่เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อันตรายถึงชีวิต ได้แก่ กลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน (Stevens-Johnson Syndrome – SJS) และ Toxic Epidermal Necrolysis (TEN) ซึ่งผิวหนังจะเกิดการพุพองและหลุดลอกอย่างรุนแรง มักสัมพันธ์กับยาในกลุ่ม NNRTIs (เช่น Nevirapine) (Manfredi et al., 2015)
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องและการติดเชื้อฉวยโอกาส:เมื่อระดับเม็ดเลือดขาว CD4 ต่ำลง ร่างกายจะอ่อนแอและติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่าย ซึ่งหลายโรคแสดงอาการทางผิวหนัง เช่น เริม, งูสวัด, การติดเชื้อรา, หรือหูด
- ภาวะอักเสบจากการฟื้นตัวของระบบภูมิคุ้มกัน (IRIS):หลังจากเริ่มยาต้านไวรัสและระบบภูมิคุ้มกันเริ่มฟื้นตัว (CD4 เพิ่มขึ้น) ร่างกายอาจเกิดปฏิกิริยาอักเสบต่อเชื้อโรคที่เคยมีอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่แสดงอาการ ทำให้เกิดอาการทางผิวหนังขึ้นได้ (เรียกว่า Cutaneous IRIS) (Lawn & Wood, 2011)
การวินิจฉัยและการรักษา
การจัดการผื่นขึ้นอยู่กับสาเหตุเป็นสำคัญ:
- การวินิจฉัย: แพทย์จะทำการซักประวัติอย่างละเอียด โดยเฉพาะประวัติการรับยาใหม่, ลักษณะของผื่น, และอาการร่วมอื่นๆ เพื่อแยกสาเหตุที่เป็นไปได้
- การรักษา:
- ผื่นจากการติดเชื้อเฉียบพลัน (ARS): ผื่นจะหายไปเอง การรักษาหลักคือการเริ่มยาต้านไวรัสเพื่อควบคุมเชื้อ HIV
- ผื่นแพ้ยาที่ไม่รุนแรง: อาจรักษาตามอาการด้วยยาแก้แพ้ (Antihistamines) หรือยาทาสเตียรอยด์ และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
- ผื่นแพ้ยาที่สงสัยว่ารุนแรง: ต้องหยุดยาที่ต้องสงสัยทันที และรีบพบแพทย์โดยด่วน โดยเฉพาะหากมีอาการร่วม เช่น มีไข้, ตุ่มน้ำ, แผลในปากหรือเยื่อบุต่างๆ หรือรู้สึกไม่สบายตัวอย่างรุนแรง (DHHS Panel, 2024)
เมื่อไหร่ที่ต้องพบแพทย์?
คุณควรไปพบแพทย์เสมอเมื่อมีผื่นขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV (เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น) และควรไปพบแพทย์ โดยด่วน หากผื่นนั้นมีลักษณะดังต่อไปนี้:
- เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและลุกลาม
- มีอาการเจ็บปวด
- มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำพองหรือผิวหนังหลุดลอก
- มีอาการร่วมอื่นๆ เช่น มีไข้สูง, ต่อมน้ำเหลืองโต, หายใจลำบาก หรือมีแผลในปาก ตา หรืออวัยวะเพศ
สรุป: ผื่นเป็นอาการสำคัญที่พบได้ในทุกระยะของการติดเชื้อ HIV การสื่อสารกับแพทย์อย่างเปิดเผยและทันท่วงทีเมื่อมีอาการผิดปกติ คือกุญแจสำคัญในการวินิจฉัยที่ถูกต้องและนำไปสู่การจัดการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)
- Carr, A., & Cooper, D. A. (2000). Adverse effects of antiretroviral therapy. The Lancet, 356(9239), 1423–1430. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(00)02854-3
- DHHS Panel on Antiretroviral Guidelines for Adults and Adolescents. (2024). Guidelines for the Use of Antiretroviral Agents in Adults and Adolescents with HIV. Department of Health and Human Services. Retrieved September 30, 2025, from https://clinicalinfo.hiv.gov/en/guidelines/hiv-clinical-guidelines-adult-and-adolescent-arv/adverse-effects-antiretroviral-agents
- Kaplan, M. H., Sadick, N. S., & Wieder, J. (2009). Antiretroviral therapy in patients with HIV: A review of the cutaneous effects of antiretroviral drugs. Journal of the American Academy of Dermatology, 60(5), 789-803. https://doi.org/10.1016/j.jaad.2008.12.039
- Lawn, S. D., & Wood, R. (2011). Pathogenesis of immune reconstitution disease in HIV-infected patients. Current Opinion in HIV and AIDS, 6(4), 287-293. https://doi.org/10.1097/COH.0b013e3283478f4b
- Mallal, S., Phillips, E., Carosi, G., Molina, J. M., Workman, C., Tomazic, J., … & PREDICT-1 Study Team. (2008). HLA-B*5701 screening for hypersensitivity to abacavir. New England Journal of Medicine, 358(6), 568–579. https://doi.org/10.1056/NEJMoa0706135
- Manfredi, R., Calza, L., & Chiodo, F. (2015). A review of the severe cutaneous adverse reactions (SCARs) to antiretroviral medications. Expert Opinion on Drug Safety, 14(4), 543–560. https://doi.org/10.1517/14740338.2015.1018512
- Maurer, T. A. (2005). Dermatologic manifestations of HIV infection. In Medical Management of HIV Infection (pp. 531-558). Knowledge Source Solutions.
- Sax, P. E., & Trakman, G. L. (2024). Acute and early HIV infection: Clinical manifestations and diagnosis. In UpToDate. Retrieved September 30, 2025, from https://www.uptodate.com/contents/acute-and-early-hiv-infection-clinical-manifestations-and-diagnosis (Subscription required)
- Uthayakumar, S., Wang, L., FNU, C. M., & Gaspari, A. A. (2016). The diagnosis and management of cutaneous adverse reactions to antiretroviral therapy. American Journal of Clinical Dermatology, 17(5), 485–503. https://doi.org/10.1007/s40257-016-0201-9
- World Health Organization. (2021). Consolidated guidelines on HIV prevention, testing, treatment, service delivery and monitoring: recommendations for a public health approach. https://www.who.int/publications/i/item/9789240031593
