พลิกโฉมการรักษามะเร็งเต้านม: ผลวิจัยชี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เลี่ยง “เคมีบำบัด” ได้อย่างปลอดภัย
หนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญที่สุดของการรักษามะเร็งเต้านมในทศวรรษที่ผ่านมา คือการค้นพบว่าผู้หญิงจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นชนิดที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน สามารถหลีกเลี่ยงการทำเคมีบำบัด (Chemotherapy) ที่มีผลข้างเคียงรุนแรงได้อย่างปลอดภัย โดยให้ผลการรักษาที่ดีไม่ต่างจากการใช้ยาต้านฮอร์โมนเพียงอย่างเดียว การค้นพบนี้มาจากการศึกษาวิจัยทางคลินิกครั้งประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่า TAILORx
การศึกษา TAILORx: จุดเปลี่ยนของแนวทางการรักษา
การศึกษา TAILORx (Trial Assigning IndividuaLized Options for Treatment (Rx)) นำโดย Dr. Joseph A. Sparano และทีมวิจัย ซึ่งผลการศึกษาได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชั้นนำ The New England Journal of Medicine ถือเป็นการศึกษาด้านการรักษามะเร็งเต้านมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบคำถามที่สำคัญว่า ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นกลุ่มใดที่จะได้รับประโยชน์จากการให้เคมีบำบัดเพิ่มเติมจากยาต้านฮอร์โมน (Sparano et al., 2018)
-
กลุ่มผู้ป่วยที่ศึกษา: การศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิดที่พบบ่อยที่สุด คือ ชนิดที่ ตอบสนองต่อฮอร์โมน (Hormone Receptor-Positive), ไม่พบการแสดงออกของยีน HER2 (HER2-Negative), และยังไม่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง (Node-Negative)
วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการตัดสินใจ: การตรวจพันธุกรรมของเนื้องอก
หัวใจสำคัญของการศึกษานี้คือการใช้การทดสอบทางพันธุกรรมของเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า “21-gene expression assay” (รู้จักในชื่อการค้าว่า Oncotype DX®) การตรวจนี้จะวิเคราะห์การแสดงออกของยีน 21 ชนิดในเนื้อเยื่อมะเร็ง เพื่อคำนวณออกมาเป็น “คะแนนความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำ” (Recurrence Score: RS) ตั้งแต่ 0-100 (Paik et al., 2004)
-
RS ต่ำ (0-10): มีความเสี่ยงต่ำมากในการกลับเป็นซ้ำ
-
RS สูง (26-100): มีความเสี่ยงสูง และได้รับประโยชน์จากเคมีบำบัดอย่างชัดเจน
-
RS ปานกลาง (11-25): เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกลุ่มที่แพทย์ไม่แน่ใจที่สุดว่าควรให้เคมีบำบัดหรือไม่ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของการศึกษา TAILORx
ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการรักษาทั่วโลก
การศึกษา TAILORx ติดตามผู้ป่วยสตรีกว่า 10,273 คน เป็นระยะเวลานานเฉลี่ย 9 ปี และค้นพบว่า:
-
ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีคะแนนความเสี่ยงปานกลาง (RS 11-25) การให้ยาต้านฮอร์โมนเพียงอย่างเดียว ให้ผลการรอดชีวิตโดยรวม (Overall Survival) และการรอดชีวิตโดยไม่กลับมาเป็นซ้ำ (Invasive Disease-Free Survival) ไม่แตกต่างจากการให้ยาต้านฮอร์โมนร่วมกับเคมีบำบัด
-
สถิติสำคัญ: อัตราการรอดชีวิตโดยรวมที่ 9 ปี ของกลุ่มที่ได้รับยาฮอร์โมนอย่างเดียวอยู่ที่ 93.9% เทียบกับ 93.8% ในกลุ่มที่ได้รับเคมีบำบัดร่วมด้วย ซึ่งแทบไม่แตกต่างกันเลย (Sparano et al., 2018; Sparano et al., 2019 สำหรับข้อมูลติดตามผลระยะยาว)
-
ข้อยกเว้นที่สำคัญ: ในกลุ่มผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 50 ปี ซึ่งมีคะแนนความเสี่ยงในช่วง 16-25 ยังคงพบว่าการให้เคมีบำบัดอาจมีประโยชน์อยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่แพทย์ใช้ในการพิจารณาร่วมกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคล
ผลกระทบในวงกว้าง: สู่ยุคการแพทย์ที่แม่นยำ
ผลการศึกษา TAILORx ได้สร้างแรงกระเพื่อมและเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติทางคลินิก (Clinical Practice Guidelines) ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว (NCCN Guidelines, 2024; Krop et al., 2017)
-
ลดการใช้เคมีบำบัดโดยไม่จำเป็น: คาดการณ์ว่าผลการศึกษานี้ช่วยให้ผู้หญิงในสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียวสามารถหลีกเลี่ยงเคมีบำบัดได้มากกว่า 70,000 คนต่อปี ซึ่งหมายถึงการลดผลข้างเคียงทั้งในระยะสั้น (คลื่นไส้, ผมร่วง, อ่อนเพลีย) และระยะยาว (ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ, มะเร็งทุติยภูมิ) และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมหาศาล (Lin et al., 2021)
-
ต่อยอดสู่กลุ่มผู้ป่วยอื่น: ความสำเร็จนี้ได้นำไปสู่การศึกษาที่คล้ายกันในกลุ่มผู้ป่วยที่มะเร็งลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง 1-3 ต่อม (การศึกษา RxPONDER) ซึ่งก็พบผลลัพธ์ในทิศทางเดียวกันสำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน (Kalinsky et al., 2021)
สรุป: การศึกษา TAILORx คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของ “การแพทย์ที่แม่นยำ” (Precision Medicine) ที่ใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมของเนื้องอกมาช่วยในการตัดสินใจเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ทำให้สามารถมอบการรักษาที่ดีที่สุดให้กับผู้ที่จำเป็น และละเว้นการรักษาที่ไม่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยอีกกลุ่มใหญ่อย่างมั่นใจและปลอดภัย
เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)
-
Sparano, J. A., Gray, R. J., Makower, D. F., Pritchard, K. I., Albain, K. S., Hayes, D. F., … & Sledge, G. W., Jr. (2018). Adjuvant chemotherapy guided by a 21-gene expression assay in breast cancer. New England Journal of Medicine, 379(2), 111–121. https://doi.org/10.1056/NEJMoa1804710 (งานวิจัยหลัก)
-
Paik, S., Shak, S., Tang, G., Kim, C., Baker, J., Cronin, M., … & Wolmark, N. (2004). A multigene assay to predict recurrence of tamoxifen-treated, node-negative breast cancer. New England Journal of Medicine, 351(27), 2817–2826. https://doi.org/10.1056/NEJMoa041588 (งานวิจัยต้นฉบับที่รับรองการตรวจ 21-gene)
-
Sparano, J. A., Gray, R. J., Makower, D. F., Pritchard, K. I., Albain, K. S., Hayes, D. F., … & Sledge, G. W. (2019). Clinical outcomes in early breast cancer with a high 21-gene recurrence score of 26 to 100 assigned to chemotherapy plus endocrine therapy: a secondary analysis of the TAILORx randomized clinical trial. JAMA Oncology, 5(11), 1588-1595. https://doi.org/10.1001/jamaoncol.2019.2618 (ข้อมูลติดตามผลระยะยาวของ TAILORx)
-
Kalinsky, K., Barlow, W. E., Gralow, J. R., Meric-Bernstam, F., Albain, K. S., Hayes, D. F., … & Hortobagyi, G. N. (2021). 21-gene assay to inform chemotherapy benefit in node-positive breast cancer. New England Journal of Medicine, 385(25), 2336–2347. https://doi.org/10.1056/NEJMoa2108873 (การศึกษา RxPONDER ที่ต่อยอด)
-
National Comprehensive Cancer Network. (2024). NCCN Clinical Practice Guidelines in Oncology (NCCN Guidelines®) for Breast Cancer. Version 4.2024. Retrieved September 30, 2025, from NCCN.org. (แนวปฏิบัติทางคลินิก)
-
Krop, I., Ismaila, N., Andre, F., Bast, R. C., Jr., Barlow, W., Collyar, D. E., … & Winer, E. P. (2017). Use of biomarkers to guide decisions on adjuvant systemic therapy for women with early-stage invasive breast cancer: American Society of Clinical Oncology clinical practice guideline focused update. Journal of Clinical Oncology, 35(24), 2838–2847. https://doi.org/10.1200/JCO.2017.74.0472 (แนวปฏิบัติทางคลินิกของ ASCO)
-
Cardoso, F., van’t Veer, L. J., Bogaerts, J., Slaets, L., Viale, G., Delaloge, S., … & Piccart, M. J. (2016). 70-gene signature as an aid to treatment decisions in early-stage breast cancer. New England Journal of Medicine, 375(8), 717–729. https://doi.org/10.1056/NEJMoa1602253 (การศึกษา MINDACT ซึ่งเป็นการตรวจยีนอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลคล้ายกัน)
-
Lin, S. Y., Adelson, K. B., & Pusztai, L. (2021). Chemotherapy for early-stage breast cancer: A new era of less is more. The ASCO Post. Retrieved from https://ascopost.com/issues/march-25-2021/chemotherapy-for-early-stage-breast-cancer/ (บทวิเคราะห์ผลกระทบ)
-
American Cancer Society. (2023). Hormone Therapy for Breast Cancer. Retrieved September 30, 2025, from https://www.cancer.org/cancer/types/breast-cancer/treatment/hormone-therapy-for-breast-cancer.html (ข้อมูลพื้นฐานเรื่องการรักษาด้วยฮอร์โมน)
-
Curigliano, G., Burstein, H. J., Winer, E. P., Gnant, M., Dubsky, P., Loibl, S., … & Viale, G. (2019). De-escalating and escalating treatments for early-stage breast cancer: the St. Gallen International Expert Consensus Conference on the Primary Therapy of Early Breast Cancer 2019. Annals of Oncology, 30(12), 1876-1889. https://doi.org/10.1093/annonc/mdz410 (ฉันทามติจากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ)
