สุขภาพทั่วไป

สาเหตุของอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน

Views

อาการเหงื่อออกตอนกลางคืน (Night Sweats) ไม่ใช่แค่การรู้สึกร้อนหรือเหงื่อซึมจากการห่มผ้าหนาเกินไป แต่หมายถึงภาวะที่เหงื่อออกมากผิดปกติจนทำให้เสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอนเปียกชุ่ม และอาจปลุกให้คุณตื่นกลางดึกได้ แม้ว่าบ่อยครั้งอาการนี้อาจไม่เป็นอันตราย แต่ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะทางการแพทย์ที่ซ่อนอยู่ที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัย

บทความนี้ได้รวบรวมสาเหตุที่เป็นไปได้ของอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน โดยอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยและแหล่งข้อมูลทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ


สาเหตุที่พบบ่อยและกลไกการเกิดโรค

1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (Hormonal Changes)

นี่คือกลุ่มสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในผู้หญิง:

  • ภาวะหมดประจำเดือนและช่วงก่อนหมดประจำเดือน (Menopause and Perimenopause): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนในผู้หญิง การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลรบกวนการทำงานของ “ไฮโปทาลามัส” (Hypothalamus)” ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ทำให้สมองรับสัญญาณว่าร่างกายร้อนเกินไปและกระตุ้นให้เกิดการขับเหงื่อและขยายหลอดเลือดเพื่อระบายความร้อน หรือที่เรียกว่า “อาการร้อนวูบวาบ” (Vasomotor Symptoms) (Thurston et al., 2013)
  • ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism): ฮอร์โมนไทรอยด์ที่สูงเกินไปจะเร่งกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย (Increased Basal Metabolic Rate) ทำให้เกิดการผลิตความร้อนส่วนเกิน ร่างกายจึงพยายามระบายความร้อนผ่านการขับเหงื่อที่เพิ่มขึ้นตลอดทั้งวันและกลางคืน (Kravets, 2016)
  • เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต (Pheochromocytoma): แม้จะพบได้น้อยมาก แต่เนื้องอกชนิดนี้จะผลิตฮอร์โมนกลุ่มแคทีโคลามีน (เช่น อะดรีนาลิน) ออกมามากเกินไป ทำให้เกิดอาการใจสั่น, ปวดศีรษะ, และเหงื่อออกท่วมตัวเป็นพักๆ ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน (Neumann et al., 2019)

2. ยาและผลข้างเคียง (Medications)

ยาหลายชนิดเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน แต่คนมักมองข้าม:

  • ยาแก้ซึมเศร้า (Antidepressants): โดยเฉพาะยากลุ่ม SSRIs และ SNRIs เป็นกลุ่มยาที่ทำให้เกิดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้บ่อยที่สุด
  • ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และยาแก้ปวดลดไข้: เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, และพาราเซตามอล
  • ยาที่เกี่ยวกับฮอร์โมน: เช่น ยาคุมกำเนิด, ฮอร์โมนทดแทน, และสเตียรอยด์ (Prednisone)
  • ยารักษาเบาหวาน: โดยเฉพาะยาที่อาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำกลไกการเกิดแตกต่างกันไปในยาแต่ละกลุ่ม ตั้งแต่การส่งผลต่อสารสื่อประสาทที่ควบคุมอุณหภูมิไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน (Mold & Holtzclaw, 2014)

3. การติดเชื้อ (Infections)

การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคทำให้เกิดไข้และการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน:

  • วัณโรค (Tuberculosis): เป็นสาเหตุคลาสสิกที่ต้องนึกถึงเสมอ โดยมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไอเรื้อรัง, มีไข้ต่ำๆ ตอนบ่าย, และน้ำหนักลด (Vias et al., 2021)
  • การติดเชื้อเอชไอวี (HIV): ในระยะเฉียบพลันหรือระยะที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ร่วมกับเหงื่อออกตอนกลางคืน
  • การติดเชื้ออื่นๆ: เช่น การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ (Endocarditis), การติดเชื้อในกระดูก (Osteomyelitis), ฝีในช่องท้อง (Abscesses), หรือการติดเชื้อบรูเซลโลซิส (Brucellosis) (Vias et al., 2021)

4. โรคมะเร็ง (Malignancies)

แม้จะไม่ใช่สาเหตุที่พบบ่อยที่สุด แต่เป็นสาเหตุที่น่ากังวลและต้องตรวจหา:

  • มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma): เป็นมะเร็งที่สัมพันธ์กับอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนชัดเจนที่สุด อาการเหงื่อออกท่วมตัว, มีไข้ไม่ทราบสาเหตุ, และน้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ ถือเป็นกลุ่มอาการที่เรียกว่า “B symptoms” ซึ่งมีความสำคัญในการประเมินความรุนแรงของโรค (Eichenauer et al., 2018)
  • มะเร็งชนิดอื่นๆ: มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) หรือมะเร็งชนิดก้อน (Solid tumors) บางชนิด เช่น มะเร็งไตหรือมะเร็งตับอ่อนในระยะลุกลาม ก็สามารถทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน

5. ภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

  • ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA): การหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำลง กระตุ้นให้ระบบประสาทซิมพาเทติก (ระบบสู้หรือหนี) ทำงานอย่างหนัก ทำให้หัวใจเต้นเร็ว, ความดันโลหิตสูงขึ้น, และเหงื่อออก (Arnardottir et al., 2013)
  • ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำตอนกลางคืน (Nocturnal Hypoglycemia): ในผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับยาอินซูลินหรือยาบางชนิด ร่างกายจะตอบสนองต่อภาวะน้ำตาลต่ำโดยการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลิน ซึ่งทำให้เกิดอาการใจสั่นและเหงื่อแตก (Tsujimoto et al., 2015)
  • โรคกรดไหลย้อน (GERD): ความเชื่อมโยงยังไม่ชัดเจนนัก แต่มีรายงานผู้ป่วยบางรายที่มีอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนดีขึ้นหลังรักษาโรคกรดไหลย้อน
  • ภาวะวิตกกังวลและตื่นตระหนก (Anxiety and Panic Disorders): การทำงานของระบบประสาทซิมพาเทติกที่ถูกกระตุ้นมากเกินไปในภาวะวิตกกังวล สามารถทำให้เกิดอาการทางกายหลายอย่างรวมถึงการขับเหงื่อที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน (Bandelow et al., 2017)

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?

ควรปรึกษาแพทย์หากอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง, รบกวนการนอนหลับ, หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีอาการเตือน (Red Flags) อื่นๆ ร่วมด้วย เช่น:

  • มีไข้ไม่ทราบสาเหตุ
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ตั้งใจ
  • คลำพบต่อมน้ำเหลืองโต
  • มีอาการไอเรื้อรัง หรือเจ็บหน้าอก

บทสรุป: อาการเหงื่อออกตอนกลางคืนเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจงและมีสาเหตุได้หลากหลาย ตั้งแต่ภาวะที่ไม่เป็นอันตรายไปจนถึงโรคร้ายแรง การสังเกตอาการร่วมและการปรึกษาแพทย์เพื่อสืบค้นหาสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด


เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)

  1. Arnardottir, E. S., Janson, C., Björnsdóttir, E., Gislason, T., & Benediktsdóttir, B. (2013). Nocturnal sweating—a common symptom of obstructive sleep apnoea: the Icelandic sleep apnoea cohort. BMJ Open, 3(1), e002032. https://doi.org/10.1136/bmjopen-2012-002032
  2. Bandelow, B., Michaelis, S., & Wedekind, D. (2017). Treatment of anxiety disorders. Dialogues in Clinical Neuroscience, 19(2), 93–107. https://doi.org/10.31887/DCNS.2017.19.2/bbandelow
  3. Eichenauer, D. A., Engert, A., & André, M. (2018). Hodgkin’s lymphoma: ESMO Clinical Practice Guidelines for diagnosis, treatment and follow-up. Annals of Oncology, 29(Supplement 4), iv19–iv29. https://doi.org/10.1093/annonc/mdy080
  4. Kravets, I. (2016). Hyperthyroidism: Diagnosis and treatment. American Family Physician, 93(5), 363–370. https://www.aafp.org/pubs/afp/issues/2016/0301/p363.html
  5. Mold, J. W., & Holtzclaw, B. J. (2014). Medication-induced hyperhidrosis. Journal of the American Board of Family Medicine, 27(3), 405–409. https://doi.org/10.3122/jabfm.2014.03.130282
  6. Neumann, H. P. H., Young, W. F., Jr., & Eng, C. (2019). Pheochromocytoma and paraganglioma. New England Journal of Medicine, 381(6), 552–565. https://doi.org/10.1056/NEJMra1806651
  7. Palma, J. A., & Valls-Solé, J. (2015). Managing hyperhidrosis. Cleveland Clinic Journal of Medicine, 82(5), 297–304. (Provides a general clinical overview of sweating disorders). https://doi.org/10.3949/ccjm.82a.14028
  8. Thurston, R. C., Joffe, H., & Crandall, C. J. (2013). Menopausal vasomotor symptoms and cardiovascular disease risk. Mayo Clinic Proceedings, 88(5), 495–503. https://doi.org/10.1016/j.mayocp.2013.03.003
  9. Tsujimoto, T., Yamamoto-Honda, R., Kajio, H., Kishimoto, M., Noto, H., Hachiya, R., … & Noda, M. (2015). Prediction of nocturnal hypoglycemia in patients with type 2 diabetes. Diabetes Research and Clinical Practice, 107(3), 394–401. https://doi.org/10.1016/j.diabres.2014.12.008
  10. Vias, C., Ena, J., & Pasquau, F. (2021). Night sweats: a primary care review. Journal of the American Board of Family Medicine, 34(3), 640–649. https://doi.org/10.3122/jabfm.2021.03.200330

Leave a Reply