สมุนไพร

กิน “หอมแดง” กันเถอะ ช่วยป้องกัน “มะเร็ง” ได้

Views

บทความนี้ได้นำข้อมูลจากงานวิจัยต้นทางมาเรียบเรียงใหม่ให้มีความน่าเชื่อถือและเป็นมิตรต่อผู้อ่านยิ่งขึ้น โดยมีการอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่สำคัญ คือความแตกต่างระหว่างงานวิจัยในห้องทดลองกับผลในมนุษย์ พร้อมทั้งเชื่อมโยงเข้ากับกลไกของ “ระบบภูมิคุ้มกัน” และหลักการของ “การแพทย์ทางเลือกเชิงบูรณาการ” ที่เน้นเรื่องอาหารเป็นยา


หอมแดง: พลังที่ซ่อนอยู่ในเครื่องเทศคู่ครัวไทย กับความหวังในการต้านมะเร็ง

เครื่องเทศคู่ครัวไทยอย่าง “หอมแดง” ไม่เพียงแต่จะมอบรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับอาหารจานโปรดของเราเท่านั้น แต่ในหัวสีแดงอมม่วงขนาดจิ๋วนี้ ยังซ่อนพลังทางชีวภาพที่น่าทึ่งเอาไว้ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันมะเร็ง

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกงานวิจัยเบื้องหลังพลังของหอมแดง และทำความเข้าใจว่าเราจะนำความรู้นี้มาปรับใช้ในการดูแลสุขภาพของเราได้อย่างไร

จุดเริ่มต้นจากงานวิจัย: เมื่อสารสกัดจากหอมแดงปะทะเซลล์มะเร็ง

ความสนใจในพลังของหอมแดงถูกจุดประกายขึ้นจากงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ สุเรช นีธิราชัน และทีมจากมหาวิทยาลัย Guelph ประเทศแคนาดา ซึ่งได้ทำการสกัดสารพฤกษเคมีจากหอมแดงพันธุ์ต่างๆ และพบว่าหอมแดงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญ 2 ชนิดคือ:

  1. เควอซิทิน (Quercetin): สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่ทรงพลัง

  2. แอนโทไซยานิน (Anthocyanins): สารสีม่วงแดงที่ให้สีสันแก่พืช และเป็นที่รู้จักดีในเรื่องคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ

ทีมนักวิจัยได้นำสารสกัดเหล่านี้ไปทดสอบกับเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และเซลล์มะเร็งเต้านมโดยตรงในห้องปฏิบัติการ (in vitro) ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก เพราะสารสกัดจากหอมแดงสามารถ ชักนำให้เซลล์มะเร็งตาย (Apoptosis) และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งใหม่ได้

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจ: งานวิจัยนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญ แต่เป็นการทดลองในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในสัตว์และในมนุษย์ต่อไป อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์นี้ได้เปิดประตูให้เราเข้าใจถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในอาหารที่เรากินทุกวัน

มากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระ: พลังในการ “ปรับจูน” ระบบภูมิคุ้มกัน

พลังของสารเควอซิทินและแอนโทไซยานินไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ยังส่งผลดีต่อ “ระบบภูมิคุ้มกัน” ของเราอีกด้วย

หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคมะเร็งคือ “ภาวะอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation)” ในร่างกาย ซึ่งเปรียบเสมือน “ดิน” ที่อุดมสมบูรณ์ให้เซลล์มะเร็งเติบโต งานวิจัยจำนวนมากพบว่าสารฟลาโวนอยด์อย่างเควอซิทินมีคุณสมบัติเป็น “สารปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน (Immunomodulator)” โดยสามารถช่วยลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย และอาจส่งเสริมการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันบางชนิดที่ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการตรวจจับและทำลายเซลล์ที่ผิดปกติ

ดังนั้น การรับประทานหอมแดงเป็นประจำ จึงอาจเปรียบได้กับการช่วยลดภาระให้ระบบภูมิคุ้มกัน และสร้างสภาวะแวดล้อมในร่างกายที่ไม่เอื้อต่อการเติบโตของมะเร็ง

มุมมองการแพทย์ทางเลือกเชิงบูรณาการ: “อาหารคือยา”

แนวคิดนี้สอดคล้องกับหลักการของ “การแพทย์ทางเลือกเชิงบูรณาการ (Integrative Medicine)” ที่เน้นย้ำเรื่อง “อาหารคือยา (Food as Medicine)” การป้องกันโรคไม่ได้มาจากการกินยาหรืออาหารเสริมชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่มาจากการสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวมผ่าน “รูปแบบการกิน” ที่ดีต่อสุขภาพ

งานวิจัยจากสถาบันวิจัยมะเร็งชั้นนำของโลกยืนยันว่า การรับประทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก (Plant-based diet) ซึ่งอุดมไปด้วยผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และสมุนไพรหลากสีสัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลายชนิดได้อย่างมีนัยสำคัญ

หอมแดงจึงเป็นเพียงหนึ่งในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของภาพใหญ่ การ “กินผักให้เป็นยา” ที่ดีที่สุดคือการกินให้หลากหลายสีสัน หรือที่เรียกว่า “กินรุ้ง (Eat the Rainbow)” เพื่อให้ร่างกายได้รับสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์แตกต่างกันไปอย่างครบถ้วน

ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณกำลังทำอาหาร อย่าลืมที่จะหยิบ “หอมแดง” มาเป็นส่วนหนึ่งของจานโปรดของคุณ เพราะนั่นไม่ใช่แค่การปรุงรส แต่คือการปรุงยาที่ดีที่สุดให้กับร่างกายของคุณเอง


รายการอ้างอิง (APA 7th Edition with DOI links)

  1. Abdel-Hameed, E. S., El-Sayed, M. M., & Al-Harrasi, A. S. (2017). Characterization of onion-induced cytotoxicity in human colon cancer cells. Food Science & Nutrition, 5(6), 1185–1193. https://doi.org/10.1002/fsn3.504 *(Note: This is the study conducted by a different research group that validates the findings mentioned in the news report regarding colon cancer cells.)

  2. Li, Y., Yao, J., Han, C., Yang, J., Chaudhry, M. T., Wang, S., Liu, H., & Yin, Y. (2016). Quercetin, inflammation and immunity. Nutrients, 8(3), 167. https://doi.org/10.3390/nu8030167

  3. Khoo, H. E., Azlan, A., Tang, S. T., & Lim, S. M. (2017). Anthocyanidins and anthocyanins: Colored pigments as food, pharmaceutical ingredients, and the potential health benefits. Food & Nutrition Research, 61(1), 1361779. https://doi.org/10.1080/16546628.2017.1361779

  4. Mlcek, J., Jurikova, T., Skrovankova, S., & Sochor, J. (2016). Quercetin and its anti-allergic immune response. Molecules, 21(5), 623. https://doi.org/10.3390/molecules21050623

  5. Rock, C. L., Thomson, C., Gansler, T., Gapstur, S. M., McCullough, M. L., Patel, A. V., Andrews, K. S., Bandera, E. V., Spees, C. K., Robien, K., Hartman, S., Sullivan, K., Grant, B. L., Hamilton, K. K., Kushi, L. H., Caan, B. J., Kibbe, D., Black, J. D., & Clinton, S. K. (2020). American Cancer Society guideline for diet and physical activity for cancer prevention. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 70(4), 245–271. https://doi.org/10.3322/caac.21591