โรคอ้วน การประเมินว่าอ้วนหรือไม่ สาเหตุโรคอ้วน ผลเสียของโรคอ้วนจะรักษาโรคอ้วนเมื่อไรมีกี่วิธีในการรักษาโรคอ้วนขั้นตอนในการรักษาผลดีของการลดน้ำหนัก การป้องกัน อ้วนลงพุง(metabolic syndrome)
การควบคุมอาหารในผู้ป่วยโรคอ้วน
การลดพลังงานจากอาหาร
คนปกติคนเราต้องการพลังงานประมาณ 25-35 กิโลแคลอรี/น้ำหนัก 1 กิโลกรัมดังนั้นเราสามารถคำนวณพลังงานที่เราควรได้รับในแต่ละวันโดยเอาน้ำหนักคูณด้วย 25 ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นพลังงานทั้งหมด ถ้าเราต้องการลดน้ำหนักให้เอา 500 กิโลแคลอรีลบจากที่คำนวณได้จะได้พลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวัน นำพลังงานที่ได้หารด้วย3 จะได้พลังงานที่ควรได้รับในแต่ละมื้อ โดยทั่วไปถ้าหากต้องการลดน้ำหนักผู้หญิงควรได้พลังงานวันละ 1000-1200 กิโลแคลอรี สำหรับผู้ชายควรได้ 1200-1600 กิโลแคลอรีซึ่งจะทำให้น้ำหนักลดลง ครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ การรับประทานอาหารเหลวที่มีพลังงานต่ำจะทำให้น้ำหนักลดในช่วงแรก แต่เมื่อหยุดอาหารเหลวก็จะกลับอ้วนขึ้นมาใหม่
เลือกอาหารที่มีคุณภาพ
- เมื่อรับประทานอาหารให้พยายามนึกถึงปริมาณพลังงานที่เรารับประทาน แทนน้ำหนัก หรือชิ้น
- เลือกอาหารแป้งที่ถูกต้อง แม้ว่าปริมาณแป้งที่เรารับประทานจะมากถึงร้อละ 40-55 % การเลือกอาหารแป้งก็มีความสำคัญ ต้องเลือกแป้งที่มาจากธัญพืช พวกแป้งควรเป็นแป้งเชิงซ้อน เช่นข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ แทนน้ำตาล
- ลดอาหารที่ให้ความหวาน เช่น candies, cakes, cookies, muffins, pies, doughnuts and frozen desserts
- ลดอาหารไขมันลง เนื่องจากอาหารไขมันจะให้พลังงานมากกว่าพวกแป้งและเนื้อสัตว์เท่าตัว
- เมื่อรับประทานอาหารต้องกะปริมาณอย่าให้มากไป
- พยายามคำนวนอาหารที่รับประทานออกเป็นพลังงาน
- ลดพลังงานจากที่ต้องการวันละ 500 กิโลแคลอรีทำให้น้ำหนักลดลง 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ไม่ควรรับสุราเพราะจะทำให้อ้วน
- ผู้ที่ไขมันในเลือดสูงต้องลดปริมาณไขมันลงอีก cholesterol ให้น้อยกว่า 200 มิลิกรัม/วัน ไขมันอิ่มตัวน้อยกว่าร้อยละ7
- โปรตีนให้เลือกที่มาจากพืช
- ระหว่างลดน้ำหนักต้องได้วิตามินและเกลือแร่อย่างพอเพียง
การเปลี่ยนแปลงอาหารสำหรับคนอ้วน
- คนอ้วนจะมีกระเพาะที่ใหญ่กว่าคนปกติเนื่องจากกระเพาะถูกยืดจากอาหาร ดังนั้นจึงมีอาการหิวบ่อยทำให้การควบคุมอาหารประสบผลสำเร็จน้อยแต่อย่าเพิ่งย่อท้อ ให้พยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
- ให้ลดอาหารไขมัน และน้ำตาล เพิ่มอาหารที่มีใยอาหาร เช่นผักและผลไม้ ผู้ที่ลดอาหารมันในระยะยาวจะต้องรับวิตามินเสริมเช่น vitamins A และ E, folic acid, calcium, iron and zinc
- ไขมันทดแทน Fat Substitutes ที่มีขายในท้องตลาดเช่น cellulose gel Avicel, Carrageenan (ทำจาก seaweed) guar gum, and gum arabic พวกนี้จะไม่ถูกดูดซึมทำให้เกิดท้องร่วง และปวดท้องและมีวิตามินลดลงเช่น vitamins A, K, D, and E ดังนั้นต้องไดรับวิตามินเหล่านี้เสริม
- ใยอาหาร ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักต้องเพิ่มอาหารที่มีใยอาหาร เช่นผักผลไม้ ธัญพืชเนื่องจากใยอาหารจะลดการดูดซึมไขมัน และยังป้องกันการขาดวิตามินทำให้ลดอัตราการตายจากโรคหัวใจ
- น้ำตาลทดแทน ให้ใช้น้ำตาลเทียมแทนน้ำตาลเช่น saccharin, aspartame
การเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
- พยายามรับประทานอาหารเฉพาะในมื้ออาหารโดยเฉพาะที่โต๊ะอาหาร และลุกขึ้นจากโต๊ะทันทีที่อิ่ม
- รับประทานวันละ 3 มื้อ
- รับประทานอาหารเช้าทุกวัน
- อย่าอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
- เลือกอาหารว่างที่มีไขมันต่ำ
- รับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ขัดสี
- ใช้จานใจเล็กๆ เพื่อป้องกันการรับประทานอาหารมากไป หลีกเลี่ยงการเติมอาหารครั้งที่ 2
- รับประทานอาหารอย่างช้าๆ เคี้ยวอาหารแต่ละคำช้าๆ
- ดื่มน้ำมากๆทั้งในมื้ออาหารและระหว่างมื้ออาหาร ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนอาหาร
- พยายามเลี่ยงอาหารที่ใช้มือหยิบ เพราะคุณจะเพลินกับการรับประทานอาหาร
- อย่าเสียดายของเหลือ ไม่จำเป็นต้องทานอาหารจนหมดจาน
- จำกัดเนื้อสัตว์ไม่ติดมันไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ
- รับประทานเนื้อปลาเป็นหลัก เนื้อไก่และเป็ดให้ลอกหนังออก
- ลือกอาหารที่มีไขมันต่ำแทนอาหารที่มีไขมันสูง
- อย่าเตรียมอาหารมากเกินความจำเป็น
- หลีกเลี่ยงอาหารพวก ทอด ผัด แกงกะทิ ให้ใช้ อบ นึ่ง เผา
- อย่าวางอาหารจานโปรดหรือของว่างไว้รอบๆตัว
- อย่าทำกิจกรรมอื่นๆระหว่างรับประทานอาหาร เช่นอ่านหนังสือ,ดูโทรทัศน์ เพราะจะรับประทานอาหารมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว
- พยายามหางานอดิเรกทำเมื่อเวลาหิว
- อาหารเหลือให้เก็บทันที
- ไม่หยิบหรือชิมอาหาร
- หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารด้วยครีม เครื่องจิ้มที่มีไขมันสูง
สรุปสิ่งที่ผู้ป่วยต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอาหาร
- พลังงานที่ได้จากอาหารแต่ละชนิด
- สารอาหาร เช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน
- อ่านสลากอาหารว่ามีปริมาณพลังงานเท่าใด
- การเลือกซื้ออาหารที่มีพลังงานน้อย
- การเตรียมอาหารที่มีไขมันน้อยหลีกเลี่ยงการผัด ทอด ใช้ต้ม เผา อบ นึ่งแทน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มากเกินไป
- ดื่มน้ำให้มาก
- ใช้จานเล็ก
5 เมนูสำหรับคนอ้วน เมนูยำผลไม้รวม
ส่วนผสม- ส้มโอ 2-3 ซีก- แอปเปิลเขียว 2 ลูก- แอปเปิลแดง 2 ลูก- แครอต ½ หัว- องุ่นสีเขียวและม่วง 10 ลูก- หอมแดง 2-3 หัว- กระเทียม 2-3 กลีบ- กุ้งตัวเล็ก 4-5 ตัวส่วนผสมน้ำยำ- กระเทียม 2-3 กลีบ- พริกขี้หนู 10 เม็ด- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ- น้ำตาลทราย ½ ช้อนชาวิธีทำ1. ล้างผลไม้ที่เตรียมไว้ให้สะอาด2. นำแอปเปิลทั้งเขียวและแดงมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะวิตามินส่วนใหญ่จะอยู่ที่เปลือก3. นำส้มโอมาแกะเป็นเส้นเล็กๆ ผ่าซีกองุ่นเอาเมล็ดออกให้หมด4. นำแครอตที่ล้างแล้วมาขูดเปลือกออก แล้วหั่นแครอตเป็นเส้นฝอยๆเล็กๆ5. เจียวกระเทียมให้หอม หั่นหอมแดงเป็นแว่นๆ บางๆ แล้วนำไปเจียวให้หอม6. ล้างกุ้งให้สะอาด นำกุ้งไปต้มให้สุก หรือลวกก็ได้แล้วแต่ความชอบ7. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่รวมกันแล้วราดด้วยน้ำยำ คลุกเคล้าเบาๆให้เข้ากันวิธีทำน้ำยำ1. ตำน้ำพริกกับกระเทียมจนแหลก2. ใส่น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทรายในถ้วย3. นำกระเทียมและพริกที่ตำเอาไว้มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบเคล็ดไม่ลับหากกลัวสารเคมีที่อยู่ในเปลือกแอปเปิล ให้แช่แอปเปิลในน้ำนานๆ
เมนูต้มส้มปลาทูส่วนผสม- ปลาทูสด 2 ตัว- น้ำสะอาด 2 ถ้วย- ขิงอ่อนซอยเส้นยาวๆ ¼ ถ้วยตวง- ต้นหอมหั่นเป็นท่อนยาว 1 นิ้ว 2-3 ตัน- น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ- น้ำมะขามเปียก ผักชี พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้นส่วนผสมเครื่องแกง- พริกไทยเม็ด 15-20 เม็ด- หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ- กะปิ 1 ช้อนชาวิธีทำ1. นำพริกไทยเม็ด หอมแดงซอย และกะปิโขลกเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้2. ล้างปลาทู ตัดเป็น 2 ส่วน แยกเป็นหัวกับหาง ควักไส้ออกจนหมด แล้วล้างอีกครั้งให้สะอาด ใส่จานพักเอาไว้3. นำหม้อตั้งไฟใส่น้ำต้มให้เดือดด้วยไฟปานกลาง แล้วใส่เครื่องแกงที่เตรียมไว้ คนให้ละลาย4. พอน้ำเดือดอีกครั้งใส่ปลาทูลงไป ปิดฝาหม้อเอาไว้ ต้มต่อไปจนปลาทูสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก และขิงซอย คนเบาๆให้ทั่ว ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน ก่อนปิดไฟใส่ต้นหอม5. ตักใส่ชาม ตกแต่งด้วยใบผักชี และพริกชี้ฟ้าหั่น
เมนูแกงผักหวานเครื่องปรุง- ผักหวานป่า 100 กรัม- วุ้นเส้น 50 กรัม– ปลาแห้ง 50 กรัม- น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวงส่วนผสมเครื่องแกง- พริกชี้ฟ้าแห้ง 5 เม็ด- กระเทียม 5 กลีบ- หอมแดง 5 หัว- กะปิ 1 ช้อนชา- เกลือป่น 1 ช้อนชาวิธีทำ1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด ตักพักไว้2. ต้มน้ำพอเดือด ละลายเครื่องแกงในน้ำเดือด ใส่ปลาแห้ง ต้มจนปลานุ่ม ตามด้วยผักหวานป่า ต้มผักจนสุก3. ใส่วุ้นเส้น คนให้เข้ากัน ปิดไฟตักใส่ชามเคล็ดลับในการปรุงผักหวานป่าจะสุกช้ากว่าผักหวานบ้าน ควรต้มผักหวานให้นานกว่าจนผักนิ่ม แต่ไม่เหลือง
เมนูแกงส้มผักรวมกุ้งสด
เครื่องปรุง- กุ้งชีแฮ้ดำผ่าหลังชักเส้นดำออก 6 ตัว- กะหล่ำปลีหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย- หัวไชเท้าหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย- กะหล่ำดอก 1 ถ้วย- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ- น้ำเปล่า 3 ถ้วย- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะเครื่องพริกแกง- พริกแห้งแกะเอาเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด- หอมแดง 7 หัว- กระเทียม 1 หัว- กระชาย 1 ช้อนชา- กะปิ 1 ช้อนชา- เกลือป่น 1 ช้อนชาวิธีทำ1. โขลกเครื่องแกงทุกอย่างรวมกันให้ละเอียดพักไว้2. ใส่น้ำลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟ นำเครื่องแกงลงไปละลายในน้ำพอเดือดอีกครั้ง3. ใส่หัวไชเท้า พอหัวไชเท้าเริ่มนุ่ม ใส่กุ้ง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ลงไป4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก ชิมรสให้มีรสเปรี้ยวนำเล็กน้อย5. รอจนเดือดอีกครั้งจึงปิดไฟ ตักใส่ชามได้เลย
เมนูยำถั่วพู
เครื่องปรุง- ถั่วพู (หั่นขวางเป็นชิ้นเล็กๆ) 250 กรัม- เนื้อหมูสับ 100 กรัม- กุ้งขนาดกลาง 5 ตัว- กะทิ 2 ช้อนโต๊ะ- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ- ถั่วลิสงคั่วบด 2 ช้อนโต๊ะ- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ- หอมเจียวแดง (สำหรับโรยหน้า) 2 ช้อนโต๊ะ- เนื้อมะพร้าวฝอย 50 กรัม- ไข่ไก่ต้ม (หั่นเป็น 4 ส่วน) 1 ฟอง- น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ- พริกแห้ง (สำหรับแต่งหน้า)วิธีทำ1. นำหมูสับลวกในน้ำร้อนจนสุก เสร็จแล้วนำออกมาสะเด็ดน้ำให้แห้ง จากนั้นจึงลวกกุ้งให้สุกและนำออกมาสะเด็ดน้ำเช่นกัน2. นำถั่วพูที่หั่นแล้วไปลวกในน้ำร้อนประมาณ 3 นาทีจนสุก จึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ3. แล้วผสมน้ำยำโดยนำกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำตาลทราย และน้ำมะนาวเข้าด้วยกันในชามขนาดปานกลาง คนจนเข้ากันดี4. ใส่หมูสับ และกุ้งที่ลวกไว้ลงตามไป คนจนหมูและกุ้งผสมเข้ากันดีกับเครื่องปรุง5. จากนั้นใส่เนื้อมะพร้าวฝอย ถั่วลิสงบดและถั่วพูลงไป คนจนเข้ากันทั่ว จึงตักใส่จาน แต่งหน้าด้วยกะทิสด 1 ช้อนโต๊ะ หอมแดงเจียว พริกแห้ง และไข่ต้มที่หั่นเตรียมไว้ เสิร์ฟทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก : manufoods.blogspot