สุขภาพกายสุขภาพทั่วไป

ระวัง “โซเดียม” ใน “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” อาหารยอดฮิตช่วง Work From Home

Views

โซเดียมในบะหมี่ถ้วย: ภัยเงียบใกล้ตัวที่เสี่ยงต่อสารพัดโรค

ในช่วงสถานการณ์วิกฤต เช่น การระบาดของโรคโควิด-19 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลายเป็นอาหารสำรองยอดนิยมในหลายครัวเรือนด้วยความสะดวกและเก็บรักษาได้นาน อย่างไรก็ตาม การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ่อยครั้งอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปริมาณ “โซเดียม” ที่สูงเกินมาตรฐาน ดังที่ นิตยสารฉลาดซื้อ ได้ทำการสำรวจและพบข้อมูลที่น่ากังวล

บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับปริมาณโซเดียมที่เหมาะสม และผลกระทบต่อสุขภาพจากการบริโภคโซเดียมที่มากเกินไป

มาตรฐานโซเดียมต่อวัน: แค่ไหนถึงเรียกว่า “มากไป”?

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดคำแนะนำไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ใหญ่ควรบริโภคโซเดียม ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่าเกลือแกงประมาณ 1 ช้อนชา หรือ 5 กรัม) เพื่อลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจและหลอดเลือด (WHO, 2012) หากเฉลี่ยเป็น 3 มื้ออาหาร แต่ละมื้อจึงไม่ควรมีโซเดียมเกิน 600-700 มิลลิกรัม

จากการสำรวจของนิตยสารฉลาดซื้อ พบว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดถ้วยเพียง 1 ถ้วย อาจมีโซเดียมสูงถึง 1,500 – 2,360 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับหรือมากกว่าปริมาณที่ควรได้รับตลอดทั้งวัน การค้นพบนี้สอดคล้องกับงานวิจัยทางวิชาการที่ชี้ว่าอาหารแปรรูปและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นแหล่งโซเดียมที่สำคัญในอาหารของคนเอเชีย (Bahadoran et al., 2017)


วิทยาศาสตร์ของเกลือ: ทำไมโซเดียมสูงจึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ?

การบริโภคโซเดียมในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อร่างกายในหลายระบบ:

  1. โรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจและหลอดเลือด:
    • กลไก: โซเดียมทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น เพิ่มปริมาตรของเหลวในหลอดเลือด ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น
    • หลักฐานทางวิทยาศาสตร์: การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยจำนวนมาก (Meta-analysis) ยืนยันอย่างชัดเจนว่า การลดการบริโภคโซเดียมสามารถลดความดันโลหิตลงได้อย่างมีนัยสำคัญ (He & MacGregor, 2013) ซึ่งการมีความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และโรคหัวใจ (Aburto et al., 2013)
  2. โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease):
    • กลไก: ความดันโลหิตสูงที่เกิดจากโซเดียมจะสร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดฝอยในไต ทำให้ไตทำงานหนักขึ้นและเสื่อมเร็วลง นอกจากนี้ โซเดียมที่สูงยังอาจส่งผลเสียต่อไตโดยตรง
    • หลักฐานทางวิทยาศาสตร์: งานวิจัยพบว่าการบริโภคโซเดียมสูงมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของโปรตีนอัลบูมินในปัสสาวะ ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะไตเสื่อม (Smyth et al., 2016)
  3. โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis):
    • กลไก: เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไตจะพยายามขับโซเดียมส่วนเกินออกทางปัสสาวะ และในกระบวนการนี้ ร่างกายจะขับ “แคลเซียม” ออกมาพร้อมกันด้วย การสูญเสียแคลเซียมอย่างต่อเนื่องจะทำให้มวลกระดูกลดลงและเพิ่มความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน (Heaney, 2006)
  4. ความเสี่ยงต่อภาวะเมแทบอลิกซินโดรม:
    • หลักฐานทางวิทยาศาสตร์: การศึกษาในประชากรเกาหลีใต้พบว่า การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะเมแทบอลิกซินโดรม (กลุ่มอาการที่ประกอบด้วยความอ้วนลงพุง, ความดันสูง, น้ำตาลสูง, และไขมันผิดปกติ) โดยเฉพาะในเพศหญิง (Shin et al., 2014)

บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างไรให้ปลอดภัยขึ้น?

แม้ทางที่ดีที่สุดคือการจำกัดการบริโภค แต่หากมีความจำเป็น สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:

  • ลดเครื่องปรุง: ใส่เครื่องปรุงรสที่ให้มาเพียงครึ่งซอง หรือน้อยกว่านั้น
  • ไม่ซดน้ำซุปจนหมด: น้ำซุปคือส่วนที่มีโซเดียมสะสมอยู่มากที่สุด
  • เพิ่มคุณค่าทางอาหาร: เติมผัก, ไข่, หรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เพื่อเพิ่มใยอาหาร, วิตามิน, และโปรตีน
  • อ่านฉลากโภชนาการ: เลือกยี่ห้อหรือรสชาติที่มีปริมาณโซเดียมน้อยที่สุด

ในระยะยาว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคโดยรวมไปสู่รูปแบบอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารแบบแดช (DASH Diet) ซึ่งเน้นผัก, ผลไม้, ธัญพืชไม่ขัดสี, และลดโซเดียม ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดความดันโลหิตและส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Appel et al., 1997)

บทสรุป: การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควรเป็นครั้งคราวเท่านั้น การตระหนักถึงปริมาณโซเดียมที่สูงและผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว คือก้าวแรกที่สำคัญในการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก (WHO, 2020)


เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)

  1. Aburto, N. J., Ziolkovska, A., Hooper, L., Elliott, P., Cappuccio, F. P., & Meerpohl, J. J. (2013). Effect of lower sodium intake on health: systematic review and meta-analyses. BMJ, 346, f1326. https://doi.org/10.1136/bmj.f1326
  2. Appel, L. J., Moore, T. J., Obarzanek, E., Vollmer, W. M., Svetkey, L. P., Sacks, F. M., … & DASH Collaborative Research Group. (1997). A clinical trial of the effects of dietary patterns on blood pressure. New England Journal of Medicine, 336(16), 1117–1124. https://doi.org/10.1056/NEJM199704173361601
  3. Bahadoran, Z., Mirmiran, P., Ghasemi, A., & Azizi, F. (2017). The high-sodium food and beverage products that are the main contributors to sodium intake in a Middle Eastern population. Journal of Human Nutrition and Dietetics, 30(6), 758-766. https://doi.org/10.1111/jhn.12479
  4. He, F. J., & MacGregor, G. A. (2013). Effect of modest salt reduction on blood pressure: a meta-analysis of randomized trials. Implications for public health. Journal of Human Hypertension, 27(6), 363-382. https://doi.org/10.1038/jhh.2012.59
  5. Heaney, R. P. (2006). Role of dietary sodium in osteoporosis. Journal of the American College of Nutrition, 25(sup3), 271S-276S. https://doi.org/10.1080/07315724.2006.10719572
  6. Shin, H. J., Cho, E., Lee, H. J., Fung, T. T., Rimm, E., Rosner, B., … & Chun, O. K. (2014). Instant noodle intake and dietary patterns are associated with distinct cardiometabolic risk factors in Korea. The Journal of Nutrition, 144(8), 1247–1255. https://doi.org/10.3945/jn.113.188441
  7. Smyth, A., O’Donnell, M. J., Yusuf, S., & Reddan, D. (2016). Sodium intake and renal outcomes: a systematic review. American Journal of Hypertension, 29(8), 915-923. https://doi.org/10.1093/ajh/hpw003
  8. World Health Organization. (2012). Guideline: Sodium intake for adults and children. WHO Press. https://www.who.int/publications/i/item/9789241504836
  9. World Health Organization. (2020). Salt reduction. Retrieved September 30, 2025, from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/salt-reduction
  10. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (นิตยสารฉลาดซื้อ). (2563). ผลทดสอบปริมาณโซเดียมในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดถ้วย. https://www.chaladsue.com/article/3321