เจาะลึกแนวทางรักษาแบบไม่ใช้เคมีบำบัด
การรักษามะเร็งในปัจจุบันก้าวล้ำไปมาก ไม่ได้มีแค่เคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นทางเลือกเดียวอีกต่อไป โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่แพ้คีโม หรือทนผลข้างเคียงไม่ไหว ก็ยังมีแนวทางการรักษาอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะกับร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย
ทำไมบางคนถึงแพ้คีโม?
คีโม คือ ยาที่ทำลายเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลต่อเซลล์ปกติด้วย ทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น
- คลื่นไส้อาเจียน
- เม็ดเลือดต่ำ
- อ่อนเพลีย
- ภูมิคุ้มกันต่ำ
- แพ้เฉียบพลันในบางราย
ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการรุนแรงจนต้องหยุดคีโม และหาทางรักษาทางเลือกอื่นที่เหมาะสม
แนวทางการรักษามะเร็งสำหรับผู้ที่แพ้คีโม
1. ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะกับโปรตีนผิดปกติในเซลล์มะเร็ง เช่น ยีน EGFR, ALK, HER2 เหมาะสำหรับผู้ที่ตรวจพบยีนกลายพันธุ์ โดยยานี้จะ
- เจาะจงเฉพาะเซลล์มะเร็ง
- ลดผลข้างเคียง
- ใช้ในรูปแบบยากินได้ในหลายชนิดมะเร็ง เช่น มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม, มะเร็งตับ
ข้อสำคัญ: ต้องตรวจยีนก่อนการใช้ยา เพื่อให้ตรงเป้าหมาย
2. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้จำแนกและจัดการกับเซลล์มะเร็ง เหมาะกับผู้ป่วยบางรายที่มีค่า PD-L1 สูง หรือไม่มียีนกลายพันธุ์ที่ตอบสนองต่อยามุ่งเป้า
- ใช้ควบคู่หรือแทนคีโม
- เหมาะกับมะเร็งปอด มะเร็งไต มะเร็งผิวหนัง และบางชนิดของมะเร็งทางเดินอาหาร
3. รังสีรักษา (Radiation Therapy)
ใช้พลังงานรังสีทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะจุด เหมาะกับกรณีที่ก้อนมะเร็งอยู่เฉพาะที่ หรือผู้ป่วยไม่เหมาะกับยารักษาทั้งระบบ
- ไม่ต้องใช้ยา
- ผลข้างเคียงน้อยเมื่อใช้เทคโนโลยีที่แม่นยำ
- ใช้ได้ทั้งก่อนหรือหลังผ่าตัด
สรุป มะเร็งไม่ใช่ต้องใช้คีโมเสมอไป
หากคุณแพ้คีโม หรือกังวลเรื่องผลข้างเคียง อย่าเพิ่งหมดหวัง การรักษามะเร็งยุคใหม่เน้นการวางแผนเฉพาะบุคคล ตรวจยีน วิเคราะห์ร่างกาย และเลือกการรักษาที่ตรงจุดที่สุดสำหรับคุณ
ขอบคุณ ศูนย์มะเร็ง ชีวารักษ์