โรคปอด

โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

Views

โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) คือ โรคปอดชนิดเรื้อรังที่ผู้ป่วยจะมีพยาธิสภาพของถุงลมโป่งพองและ/หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรังเกิดร่วมกัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ เหนื่อย ไอ และมีเสมหะ

อาการที่พบบ่อย

  • เหนื่อย
  • ไอ
  • มีเสมหะ

copd-1.jpg สาเหตุ
สาเหตุที่พบบ่อย คือ การสูบบุหรี่ สาเหตุอื่น ๆ ที่มีบทบาทบ้าง แต่น้อยกว่าการสูบบุหรี่ ได้แก่ มลพิษทางอาการและพันธุกรรม เป็นต้น
ซึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับ COPD ในทั่วโลกคือการสูบบุหรี่ ประมาณ 20% ของผู้ที่สูบบุหรี่จะเป็น COPD และจำนวนครึ่งหนึ่งของผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานานเกือบชั่วชีวิตจะเป็น COPD ในประเทศสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร 80-95% ของผู้ที่เป็น COPD
นั้นเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ในปัจจุบันหรือเคยสูบบุหรี่
แนวโน้มในการพัฒนาโรคของ COPD เพิ่มขึ้นจากการได้รับสัมผัสจากการสูบบุหรี่ทั้งหมดนอกจากนี้แล้วเพศหญิงยังมีความไวต่อผลกระทบที่เป็นอันตรายของการสูบบุหรี่สูงกว่าเพศชายในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ การอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคประมาณ 20% การสูบประเภทอื่น ๆ อาทิเช่น การสูบกัญชา ซิการ์ และไปป์น้ำ ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกันหญิงที่สูบบุหรี่ในระหว่างการตั้งครรภ์อาจเพิ่มความเสี่ยงของ
COPD ในเด็กได้

copd-2.jpg การวินิจฉัย การวินิจฉัย COPD นั้นควรพิจารณาดำเนินการในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ถึง 40 ปีขึ้นไปที่มีอาการเหนื่อย การไอเรื้อรัง มีเสมหะ หรือเป็นไข้หวัดบ่อยในฤดูหนาว และมีประวัติของการได้รับสัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงของโรคจากนั้นจึงใช้การตรวจสมรรถภาพปอด (Spirometry) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย

copd-4.jpgcopd-5.jpg การตรวจสมรรถภาพปอดเป็นการวัดปริมาณการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจในปัจจุบันและโดยทั่วไปเป็นการดำเนินการหลังจากการใช้ยาขยายหลอดลม ซึ่งเป็นยาที่ช่วยเปิดทางเดินหายใจ องค์ประกอบหลัก 2 ข้อที่จะมีการตรวจวัดเพื่อการวินิจฉัยโรค คือ 1 ปริมาตรการหายใจออกที่ทำอย่างเต็มกำลังใน 1 วินาที (FEV1) ซึ่งเป็นปริมาตรสูงสุดของอากาศที่สามารถหายใจออกมาได้ในวินาทีแรกของการหายใจออก

2 ปริมาตรอากาศที่วัดได้เมื่อหายใจเต็มกำลัง (FVC) ซึ่งเป็นปริมาตรสูงสุดของอากาศที่สามารถหายใจออกมาได้ในการหายใจอย่างเต็มที่ 1 ครั้ง
โดยทั่วไป 75-80% ของค่า FVC จะได้จากวินาทีแรกและค่า FEV1/อัตรา FVC ที่ต่ำกว่า 70% ในผู้ที่มีอาการแสดงของ COPD ได้รับการนิยามว่า คือผู้ที่เป็นโรคดังกล่าวตามพื้นฐานของการตรวจวัดเหล่านี้ การวัดปริมาตรอากาศหายใจอาจนำไปสู่ความผิดพลาดในการวินิจฉัย COPD ในผู้สูงอายุได้ นอกจากนี้เกณฑ์ของสถาบันแห่งชาติเพื่อความเป็นเลิศด้านการแพทย์ได้กำหนดให้ค่า FEV1 ต้องต่ำกว่า  80%  ของค่าคาดคะเน

copd-3.jpg

การประเมินระดับความรุนแรงของโรค โดยใช้คะแนนระดับ GOLD ตามตาราง ดังนี้

ความรุนแรง          FEV1% ที่คาดคะเน
เล็กน้อย (GOLD 1)≥80
ปานกลาง (GOLD 2)50–79
รุนแรง (GOLD 3)30–49
รุนแรงมาก (GOLD 4)<30 หรือความล้มเหลวของระบบทางเดินหายใจ

การรักษา

โรค COPD ไม่มีการรักษาที่แน่ชัด แต่อาการของโรคสามารถรักษาได้และชะลอความก้าวหน้าของโรคได้ เป้าหมายหลักของการจัดการโรคคือ การลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การหยุดสูบบุหรี่ แต่บางสาเหตุก็ไม่สามารถแก้ไขได้  เช่น สาเหตุจากพันธุกรรม

วิธีการรักษาประกอบไปด้วย

⚫ การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ

⚫ การให้ยาขยายหลอดลม ซึ่งมีทั้งในรูปแบบกินและพ่น

⚫ การให้ยาลดการอักเสบกลุ่มสเตียรอยด์

⚫ การให้ออกซิเจน

⚫ การทำกายภาพบำบัด

⚫ การผ่าตัดบริเวณของปอดที่มีการโป่งพองมาก

มาตรการที่แสดงถึงการลดการเสียชีวิตคือ การหยุดสูบบุหรี่และการใช้ออกซิเจนเสริมเท่านั้น การหยุดสูบบุหรี่นั้นเป็นการลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้ 18%

copd-6.jpg
copd-7.jpg

การป้องกัน

โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) สามารถป้องกันได้โดย

⚫ งดและหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่หรือมลพิษทางอากาศ

⚫ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี ปีละ 1 ครั้ง

⚫ ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อปอดบวมแก่ผู้ที่เป็นโรค COPD ช่วยลดการกำเริบของโรค การต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้

⚫ ลดปริมาณการสูบบุหรี่

⚫ ลดการสัมผัสจากสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศ ปรับปรุงคุณภาพของอากาศทั้งภายในและภายนอก

หยุดสูบบุหรี่ตั้งแต่วินาทีนี้

การป้องกันไม่ให้ผู้คนเริ่มสูบบุหรี่เป็นหลักสำคัญของการป้องกัน COPD นโยบายของรัฐบาล หน่วยงานสาธารณสุข และองค์กรต่อต้านการสูบบุหรี่ สามารถลดอัตราการสูบบุหรี่โดยการกีดกันมิให้ผู้คนริเริ่มการสูบบุหรี่และส่งเสริมการหยุดสูบบุหรี่ การห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะและสถานที่ทำงานนั้นเป็นมาตรการที่สำคัญ การลดการสัมผัสของบุหรี่จากการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่และขณะเดียวกันขอแนะนำให้หลาย ๆ สถานที่จัดตั้งการห้ามให้มากขึ้น

ในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ การหยุดสูบบุหรี่เป็นมาตรการเดียวเท่านั้นที่ชะลอการทรุดลงของโรค COPD แม้ว่าจะเป็นระยะท้าย ๆ ของโรคก็ตาม การหยุดสูบบุหรี่ลดอัตราการแย่ลงของการทำงานของปอด และชะลอการเริ่มต้นของความทุพพลภาพและการเสียชีวิตได้

การหยุดสูบบุหรี่เริ่มจากการตัดสินใจหยุดสูบบุหรี่และจากนั้นเป็นการพยายามที่จะหยุดสูบบุหรี่ โดยส่วนใหญ่นั้นจำเป็นต้องมีการพยายามหลายครั้งก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ในคนจำนวนเกือบ 40% การพยายามเป็นเวลามากกว่า 5 ปีนั้นจะส่งผลที่เป็นความสำเร็จ

ในผู้สูบบุหรี่บางรายสามารถบรรลุความสำเร็จของการหยุดสูบบุหรี่ในระยะยาวได้ด้วยพลังจากความตั้งใจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การสูบบุหรี่เป็นสิ่งเสพติดที่เลิกได้ยากและผู้สูบบุหรี่หลายรายต้องการการสนับสนุนด้านอื่น ๆ โอกาสของการหยุดสูบบุหรี่นั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วยการสนับสนุนจากสังคม การเข้าร่วมในโครงการการหยุดสูบบุหรี่และการใช้ยา อาทิ การบำบัดด้วยการทดแทนนิโคติน ยา Bupropion หรือ  Varenicline

ทั่วโลกมีผู้ป่วยด้วย COPD จำนวน 329 ล้านคนหรือเกือบ 5% ของจำนวนประชากรในปี ค.ศ. 2012 โรคนี้เป็นโรคอันดับที่ 3 ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนจำนวนกว่า 3 ล้านคน จำนวนของผู้เสียชีวิตนั้นคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากอัตราการสูบบุหรี่ที่เพิ่มขึ้นและอายุของประชากรในหลาย ๆ ประเทศ 

ขอขอบคุณ:bangkokhospital.com

Leave a Reply