โรคปอด

การตรวจหาโรคปอดในระยะแรกเริ่ม

Views

การตรวจหาโรคปอดในระยะแรกเริ่ม

โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคปอด เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุด ที่นำผู้ป่วยมาหาแพทย์ และเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการตายของประชากรโลกสูงมาก อยู่ในอันดับต้นๆ นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นโรคที่สร้างปัญหา ทางเศรษฐกิจของครอบครัว และของประเทศ ที่ต้องให้การรักษา อาการป่วยเรื้อรัง เนื่องจากปอดพิการ ทำให้มีอาการเหนื่อย หอบหายใจลำบาก เป็นผลมาจาก ผู้ป่วยมารักษาช้าไป ในสหรัฐฯ เพียงแค่โรคหลอดลม อักเสบเรื้อรัง และถุงลมปอดโป่งพอง เพียงโรคเดียว ประเมินว่า ต้องเสียค่าใช้จ่ายถึงปีละ US$ 20,000 ล้าน ถ้าจะคิดเป็นเงินไทย ก็คูณด้วย 40 บาท ในประเทศไทยก็มีแนวโน้มแบบเดียวกัน

หน้าที่ของปอด

ร่างกายต้องใช้ออกซิเจน เพื่อการดำรงชีวิต ออกซิเจนที่มีอยู่ในอากาศ จะเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเข้าไป ออกซิเจนจะไหลผ่าน จมูก ลำคอ หลอดลม เข้าไปถึงปอด และซึมเข้าสู่กระแสเลือด ที่ไหลมายังปอด เพื่อนำไปเลี้ยงร่างกายนอกจากนั้น เลือดยังนำของเสีย ที่ร่างกายสร้างขึ้น คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มายังปอด และขับถ่ายทิ้งไปทางลมหายใจออก (รูปที่1) การแลกเปลี่ยนก๊าซทั้งสอง ต้องอาศัยปอด ต้องทำงานได้ตามปกติ ถ้าปอดพิการทำงานไม่ได้ตามปกติ เราจะมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก เพราะต้องออกแรงหายใจเพิ่มขึ้น เพื่อให้ร่างกาย ได้รับออกซิเจนให้พอใช้ และในที่สุด เราอาจตายได้ จากร่างกายขาดออกซิเจน หรือจากคาร์บอนไดออกไซด์ คั่งในเลือด ซึ่งทำให้เกิดม ีภาวะกรดเกิน เพราะหายใจได้ไม่พอ ระบบทางเดินหายใจ และปอด เป็นอวัยวะที่เสี่ยง ต่อการเกิดโรค และเสื่อมสมรรถภาพ

ระบบทางเดินหายใจ และปอด ก็เหมือนอวัยวะอื่นๆ คือ มีการเสื่อมลง ตามอายุขัย ปกติเราหายใจเข้าออก ครั้งละประมาณ 300-500 ลบ.ซม. หายใจนาทีละ 10-20 ครั้ง หรือนาทีละ 5-10 ลิตร ประมาณว่า เราหายใจเข้าออกวันละ 8000-12000 ลิตร โชคไม่ดี ที่อากาศที่เราหายใจเข้าไป ไม่บริสุทธิ์ ที่เรียกว่ามี มลภาวะเป็นพิษ โดยที่ในอากาศมีสาร และก๊าซที่เป็นอันตราย ต่อทางเดินหายใจ และปอดเมื่อหายใจเข้าไป ยิ่งเราอาศัยอยู่ในเมือง ยิ่งได้รับพิษนี้มากขึ้น นอกจากนั้น การสูบบุหรี่ นัดยานัตถุ์ และทำงาน ในโรงงานอุตสาหกรรม หลายประเภท ก็ทำให้มีมลภาวะ เป็นพิษเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบ และทำให้ทางเดินหายใจ และปอดเสื่อมเร็วกว่าที่ควร หรือทำให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะในปอด นอกจากนั้น ในอากาศยังมีเชื้อโรค เชื้อไวรัส และเชื้ออื่นๆ ที่เมื่อหายใจเข้าไป ทำให้เกิด โรคในปอดที่พบบ่อย คือ เชื้อวัณโรค

อาการของโรคปอดเป็นอย่างไร และทำไมควรต้องตรวจพบในระยะแรก

อาการของโรคปอด คือ อาการเหนื่อยง่าย โดยเฉพาะเอกซเรย์ และตรวจคลื่นหัวใจแล้วพบว่า หัวใจปกติ ไอแห้งๆ หรือไอมีเสมหะ และอาจมีไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอกแต่บ่อยๆ ที่โรคปอด จะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อแสดงอาการ ก็อาจสายเกินไป อาจรักษาไม่หายขาด หรือแม้ว่าจะหาย แต่มีการทำลายเนื้อปอดมาก ทำให้มีอาการปอดพิการได้ โดยเฉพาะถ้ารักษาช้าไป หรือรักษาไม่ถูกวิธี ผู้ป่วยพวกนี้ ถึงแม้จะหายจากโรค แต่ก็ต้อง ทนทุกข์ทรมาน จากปอดทำหน้าที่ได้ไม่เพียงพอ โรคปอดเรื้อรังที่เมื่อเป็นแล้วมักไม่มีอาการในระยะแรก แต่เมื่อมีอาการ ก็มักจะสายเกินไป ที่จะรักษาให้หายขาดได้ หรือให้ปอด กลับมาทำงานได้ตามปกติ ที่พบบ่อย 4 โรค คือ

  1. วัณโรค (Tuberculosis)
  2. หลอดลมอักเสบเรื้อรังและถุงลมปอดโป่งพอง (Chronic bronchitis and Emphysema หรือ COPD)
  3. มะเร็งในปอด (Lung cancer)
  4. โรคหอบหืด (Bronchial asthma)

ใครบ้างควรได้รับการตรวจ

  1. ผู้ที่มีอาการทางระบบหายใจ ได้แก่ :
    • ผู้ที่มีอาการไอเรื้อรัง โดยเฉพาะไอมีเสมหะ ไอมีเลือดออกมาด้วย
    • เหนื่อยง่าย โดยเฉพาะตรวจทางหัวใจแล้วปกติ หรือหายใจมีเสียงหืด
    • เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะหายใจแล้วเจ็บมากขึ้น
  2. ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง ได้แก่ :
    • ผู้ที่สูบบุหรี่ นัดยานัตถุ์ ใช้ยาเสพติด 
    • ทำงานในโรงงานที่มีมลภาวะ มีควัน มีก๊าซเคมีที่เป็นพิษต่อทางเดินหายใจ และปอดเมื่อหายใจเข้าไป
    • ทำงานในเหมืองแร่ โรงโม่หิน โรงผลิตซีเมนต์ 
    • ทำงานในบรรยากาศ และอาจเปื้อนปนหายใจเอาสารกัมมันตภาพเข้าไป
    • โรงงานอุตสาหกรรมมากมาย ที่ต้องใช้สารแอสเบสตอส (Asbestos fiber) เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ ตู้เย็น ฯลฯ
    • ผู้ได้รับการรักษาโดยการฉายแสงบริเวณทรวงอก
    • ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อต่ำ
    • ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคที่อยู่ในระยะติดต่อ

แม้ในคนปกติ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุก็ตรวจได้ เพราะมะเร็งปอดเอง ก็พบได้ในคนที่ไม่สูบบุหรี่ หรือไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และโอกาสหายขาดจะมีมากกว่า เมื่อพบโรคขณะที่ยังไม่มีอาการ

ขอขอบคุณhttps://www.bangkokhospital.com/th

Leave a Reply