กรดไหลย้อนรู้ทัน-โรคโรคกระเพาะอาหาร

กรดไหลย้อน เกิดจากอะไร ต่างจาก โรคกระเพาะอาหาร อย่างไร ?

Views

  กรดไหลย้อน เชื่อว่ามีคนไม่น้อยสับสนอาการของโรคนี้กับโรคกระเพาะ ทั้งที่จริงแล้วโรคกรดไหลย้อนกับอาการที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างโรคกระเพาะ มีความเหมือนที่แตกต่างกันอยู่

          คนทั่วไปคุ้นเคยกันดีกับ โรคกระเพาะ และเมื่อมีอาการปวดท้อง ปวดแสบร้อนในช่องท้องส่วนบน เรอเปรี้ยว หรือมีรสขมในปาก ก็มักจะคิดเอาเองว่า โรคกระเพาะ กำลังมาเยือนเป็นแน่แท้ ทั้งที่ความเป็นจริงอาจกำลังถูก “โรคกรดไหลย้อน” เล่นงานเอาก็เป็นได้


กรดไหลย้อน สาเหตุเกิดจากอะไร

          กรดไหลย้อน ภาษาอังกฤษคือ GERD สาเหตุเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร ซึ่งกรดเหล่านี้มีความเข้มข้นสูงมาก ทำให้เกิดอันตรายต่อหลอดอาหาร และเยื่อบุในหลอดอาหารที่มีความบอบบาง กระทั่งทำให้เกิดการอักเสบตามมา ซึ่งโดยปกติแล้วกรดหรือน้ำย่อยจะไม่สามารถขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหารได้ ยกเว้นในช่วงที่กลืนอาหาร หรือช่วงที่กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างมีการคลายตัวอย่างผิดปกตินั่นเอง  

กรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน อาการเป็นอย่างไร รุนแรงไหม

          อาการกรดไหลย้อนจะแบ่งเป็น 2 ระบบ ดังนี้

           1. อาการที่เกิดในหลอดอาหาร จะมีอาการเจ็บคอ กลืนลำบาก รู้สึกเหมือนมีก้อนอยู่ในลำคอ แสบลิ้นเรื้อรัง จุกแน่นแถว ๆ หน้าอกคล้ายอาหารไม่ย่อย อาการนี้มักจะเป็นมากขึ้นหลังอาหารมื้อหลัก การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนัก หรือการนอนหงาย

          ที่สำคัญคือ จะมีอาการแสบหน้าอก เรอเปรี้ยว รู้สึกเหมือนมีกรดซึ่งเป็นน้ำรสเปรี้ยว หรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก ภาวะดังกล่าวนี้อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบ ถ้าเป็นมากจนเกิดแผลรุนแรง อาจทำให้หลอดอาหารตีบหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเยื่อบุอาหารได้

           2. อาการนอกหลอดอาหาร จะมีเสียงแหบเรื้อรัง มักมีเสียงแหบตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม ไอเรื้อรัง รู้สึกสำลักในเวลากลางคืน หรือในบางรายอาจมีอาการทางระบบหายใจ เช่น หอบหืด หรืออาการเจ็บหน้าอกได้ ดังนั้น หากมีอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังถูก “โรคกรดไหลย้อน” คุกคาม

กรดไหลย้อน อันตรายไหม

          เกี่ยวกับเรื่องกรดไหลย้อน รศ. พญ.วโรชา มหาชัย หัวหน้าหน่วยทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้ข้อมูลว่า กรดไหลย้อน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิตเหมือนโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจ แต่กรดไหลย้อนเป็นโรคที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยกรดไหลย้อนมีคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานลดลง

“เนื่องจากโรคกรดไหลย้อน จะมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย คล้าย ๆ กับอาการของโรคกระเพาะ จึงทำให้คนส่วนใหญ่มักจะเหมารวมว่า ตนเองอาจจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร และไปซื้อยาเคลือบแผลในกระเพาะอาหารมารับประทานเอง ทำให้การรักษาไม่ตรงจุด โดยเฉพาะคนไทยเรามักจะชอบซื้อยามารับประทานเอง และคิดว่าการไปพบแพทย์เป็นเรื่องใหญ่ ระยะหลังมานี้จึงพบโรคกรดไหลย้อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ”  รศ. พญ.วโรชา กล่าว

          ทั้งนี้ หากถามว่าโรคกรดไหลย้อนอันตรายไหม คำตอบคือ ถ้าเป็นกรดไหลย้อนแล้วรีบรักษา หรือทำให้อาการกรดไหลย้อนหายไปก็จะไม่มีอาการแต่อย่างไร แต่หากปล่อยอาการกรดไหลย้อนไว้เนิ่นนาน อาจทำให้หลอดอาหารเกิดการอักเสบ เป็นแผลรุนแรงจนตีบ หรือเป็นมะเร็งที่หลอดอาหารได้ แต่… ความรุนแรงนี้จะมีได้เพียง 1% เท่านั้น

โรคกรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน ใครคือกลุ่มเสี่ยง

โรคกรดไหลย้อน เป็นโรคยอดฮิตของหนุ่มสาววัยทำงาน ดารานักแสดง โดยเฉพาะสาวออฟฟิศ ที่ชอบกินจุบกินจิบ กินอาหารไม่เป็นเวลาและเร่งรีบ รวมถึงผู้ชอบอาหารรสจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ รับประทานอาหารแล้วนอนทันที มีโอกาสเสี่ยงสูง หากมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่แล้วลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือคอ ควรปรึกษาแพทย์

นอกจากนี้ยังสามารถพบกรดไหลย้อนได้ในเด็กทารกจนถึงเด็กโต ในเด็กเล็กอาการที่ควรนึกถึงโรค กรดไหลย้อน ได้แก่ อาเจียนบ่อยหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย ไอเรื้อรัง หอบหืด ปอดอักเสบเรื้อรัง ในเด็กบางรายอาจมีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับได้

กรดไหลย้อน รักษาได้อย่างไร

          โรคกรดไหลย้อน สามารถรักษาให้หายได้ โดยการรับประทานยากลุ่มยาลดกรด แต่ถ้ามีอาการมากและเรื้อรังควรได้รับการตรวจรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรับยาที่ตรงกับโรค ในบางรายที่อาการหนักอาจต้องเข้ารับการผ่าตัด ดังนั้น หากมีอาการควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการ

          ขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต จะให้ผลดีมากเช่นกัน ซึ่งผู้ป่วยกรดไหลย้อน ควรปฏิบัติ ดังนี้

          + ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรลดน้ำหนัก เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูงทำให้กรดไหลย้อนได้มาก

          + กินแล้วไม่นอนทันที ควรกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนนอนอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรลองเขยิบเวลารับประทานอาหารให้เร็วขึ้นคราวละ 1 ชั่วโมง เช่น เลื่อนจาก 18.00 น. เป็น 17.00 น. ฯลฯ เพื่อให้กระเพาะอาหารได้ย่อยทันก่อนถึงเวลาเข้านอน

          + หลังรับประทานอาหารเสร็จ ถ้าเป็นไปได้ให้เดินเล่น หรือเดินแกว่งแขนสัก 20-30 นาที อย่าเพิ่งนั่งหรือนอน

          + งดบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เกิดกรดมาก ทำให้หูรูดอ่อนแอ

          + ใส่เสื้อหลวม ๆ และไม่ควรใส่เข็มขัดที่รัดแน่นเกินไป เพื่อลดแรงกดที่กระเพาะ เพราะการสวมเสื้อผ้ารัดแน่นอาจเป็นการกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรดออกมามาก

          + ไม่ควรจะนอนออกกำลังกาย หรือยกของหนักหลังออกกำลังกาย

          + หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง  

ป่วยกรดไหลย้อน ห้ามกินอะไร

          + งดอาหารมัน ๆ อาหารทอด อาหารที่ปรุงด้วยหอมหัวใหญ่ดิบ กระเทียม มะเขือเทศ ช็อกโกแลต ถั่ว ลูกอม เนย ไข่ สะระแหน่ รวมทั้งอาหารที่มีรสเผ็ด เปรี้ยว และเค็มจัด เพราะมีแก๊สมาก

          + ไม่ควรเติมน้ำส้มสายชูลงในอาหาร เพราะยิ่งจะเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร 
          + ไม่ควรดื่มนมตอนท้องว่าง เพราะนมเป็นอาหารที่ค่อนข้างย่อยยาก กระเพาะจึงต้องหลั่งกรดออกมามากเป็นพิเศษ          + หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ น้ำอัดลม เบียร์ สุรา โซดา เนื่องจากมีแก๊สที่ทำให้ปริมาตรกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารเปิดออก และปล่อยให้กรดจากกระเพาะอาหารขึ้นมาที่หลอดอาหารได้สะดวกขึ้น
          + ไม่เคี้ยวหมากฝรั่งมากเกินไป เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งมีส่วนเพิ่มการหลั่งน้ำลาย ทำให้กลืนน้ำลายลงไปมากขึ้น และเพิ่มการกลืนลมลงไปในท้อง

ป่วยกรดไหลย้อน ควรกินอะไรดี

          + ควรเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ อย่างปลา ไก่ และอาหารที่มีเส้นใยมาก ๆ เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้

          + รับประทานอาหารแค่พออิ่ม หรืออาจแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ กินน้อย แต่บ่อย

          + กินอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวให้ละเอียด และไม่ควรงดอาหารมื้อเช้า

ป่วยกรดไหลย้อน นอนตะแคงได้ไหม

          มีคำแนะนำให้ผู้ป่วยกรดไหลย้อนหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงขวา เพราะท่านี้จะทำให้กระเพาะอยู่เหนือหลอดอาหารอาจทำให้อาการกำเริบได้ ท่านอนที่ดีที่สุดคือ นอนยกหัวให้สูงประมาณ 6-10 นิ้ว โดยอาจนอนบนหมอน 2 ใบ เพื่อไม่ให้กรดไหลเอ่อขึ้นมาที่คอ  

แม้จะมีวิธีรักษากรดไหลย้อน หรือรู้วิธีช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนแล้วก็ตาม แต่หากยังคงปฏิบัติหรือใช้วิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง กรดไหลย้อนก็จะยังคงย้อนวนเวียนกลับมาเหมือนเดิมนั่นเอง !!

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
มหาวิทยาลัยมหิดล  
โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย
webmd.comaboutgerd.org

ชอชอบคุณhttps://health.kapook.com/

Leave a Reply