สมุนไพรแพทย์ทางเลือก

ประโยชน์มะตูม ไอเดียการกินการใช้มะตูมเพื่อสุขภาพ ข้อควรระวัง

Views

หนึ่งในผลไม้ที่ช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี และยังนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สามารถนำมาผสมเข้ากับน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆ ได้อย่างลงตัวและพอดี คงไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่ามะตูมคือ ผลไม้ชนิดดังกล่าว อยากรู้ว่ามะตูมสามารถนำมาทำอะไรได้มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้อีกบ้าง และมีประโยชน์มากมายอย่างไร ไปติดตามกันเลย

ทำความรู้จักมะตูม

มะตูม (bael) เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย และจัดเป็นพันธุ์ไม้มงคลประจำจังหวัดชัยนาท นอกจากนี้มะตูมยังถือว่าเป็นพันธุ์ไม้มงคลของศาสนาฮินดู ซึ่งได้มีการนิยมปลูกกันมาก เพราะถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระศิวะ ในขณะที่บ้านเรานั้นมีความเชื่อเกี่ยวกับใบมะตูมว่ามันสามารถนำมาใช้ในการป้องกันเหล่าภูตผีปีศาจได้ และที่สำคัญมะตูมถือเป็นผลไม้ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังจัดเป็นยาสมุนไพร หลายๆ คนนิยมนำมาทำเป็นน้ำมะตูมดื่มเพื่อสุขภาพกันบ่อยๆ เพราะให้สรรพคุณทางยา รวมทั้งคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายเลยทีเดียว 

คุณค่าทางโภชนาการของมะตูม

ในส่วนของมะตูมสุก 100 กรัม ให้คุณค่าทางโภชนาการดังนี้

น้ำ 61.4 กรัม, เถ้า 1.7 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 34.7 กรัม, โปรตีน 1.8 กรัม, ใยอาหาร 2.9 กรัม, วิตามินเอ 92 มิลลิกรัม, วิตามินบี1 1.3 มิลลิกรัม, วิตามินบี2 1.19 มิลลิกรัม, ไนอะซีน 1.1 มิลลิกรัม, แคลเซียม 85 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม, เหล็ก 0.6 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของมะตูม

  1. มะตูมเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาทานได้ทั้งผลสดและแห้ง ซึ่งให้คุณประโยชน์และมีสรรพคุณทางยาที่แตกต่างกันออกไป
  2. นำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งสามารถนำมาผสมเข้ากับน้ำผลไม้ชนิดอื่นโดยเฉพาะน้ำมะนาวสดได้อย่างลงตัว
  3. ผลแก่ของมะตูมแต่ยังไม่เข้าขั้นสุก สามารถนำมาทำเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยรักษาธาตุและบำรุงธาตุไฟได้เป็นอย่างดี
  4. มีส่วนช่วยในการรักษาอาการท้องร่วง อาการท้องเดิน และโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ได้
  5. สำหรับผู้ที่เป็นโรคท้องผูกเรื้อรัง การทานมะตูมจะสามารถช่วยรักษาโรคดังกล่าวให้ดีขึ้นได้
  6. เปลือก ราก และลำต้นของมะตูม มีส่วนช่วยในการแก้อาการไข้จับสั่น
  7. มีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาล และช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้
  8. ช่วยรักษาโรคลำไส้อักเสบ ช่วยขับลม และช่วยขับปัสสาวะ
  9. แก้อาการกระหายน้ำ และช่วยทำให้รู้สึกชุ่มคอ
  10. มีส่วนช่วยในการลดอาการหอบหืด ช่วยแก้หลอดลมอักเสบ และลดอาการไอ รวมทั้งช่วยขับเสมหะ
  11. ช่วยแก้ไข้ทรพิษ แก้พิษจากฝี และช่วยลดอาการปวดฝีลงได้ดี
  12. มีส่วนช่วยในการแก้อาการหลอดลมอักเสบ ช่วยแก้เยื่อตาอักเสบ และช่วยรักษาอาการอักเสบของแผล
  13. ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารและบรรเทาอาการท้องเสียได้เป็นอย่างดี
  14. ช่วยลดความดันโลหิตสูง และยังสามารถนำมาใช้เพื่อฆ่าพยาธิ
  15. มีส่วนช่วยในการรักษาน้ำดีและช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี

ไอเดียการใช้มะตูมเพื่อสุขภาพ

นอกจากต้นมะตูมจะเป็นต้นไม้มงคลและมีความเชื่อตามศาสนาฮินดูกันแล้ว มะตูมยังสามารถนำมาใช้เพื่อสุขภาพได้อีกด้วย มาดูกันว่าไอเดียการใช้มะตูมเพื่อสุขภาพมีอะไรกันบ้าง

  1. การนำผลมะตูมที่สุกมาผ่าครึ่งแล้วตักเนื้อออกมา จากนั้นเอาส่วนที่เป็นเปลือกมาฝนเข้ากับฝาหม้อดินจนได้เป็นครีม เอามาแต้มหัวสิวก่อนนอน ตื่นเช้ามาค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยทำให้หัวสิวหลุดออกมาได้
  2. สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ สามารถนำเปลือกของผลมะตูมมาฝนกับน้ำปูนใส จากนั้นเอามาทาให้ทั่วท้อง จะช่วยบรรเทาความร้อนได้เป็นอย่างดี
  3. ผู้ที่มีแผลสดหรือแผลเรื้อรัง สามารถรักษาได้ด้วยการนำเอาใบมะตูมมาตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกแผล จะทำให้แผลที่เป็นอยู่อาการดีขึ้นได้
  4. นำเอาผลดิบมาฝานให้เป็นแผ่นบางๆ จากนั้นเอามาตากแดดให้แห้ง เมื่อแห้งจนได้ที่ให้นำเอามาคั่วประมาณ 1 กำมือให้หอม แล้วเอามาต้มกับน้ำปริมาณ 4 แก้วให้เดือดนานประมาณ 15 นาที เอามาดื่มตอนอุ่นๆ ครั้งละ 1 แก้ว ในทุก 2 ชั่วโมง ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียเรื้อรังได้
  5. นำผลแก่มาขูดผิวออกให้หมด จากนั้นเอามาทุบให้พอร้าวแล้วใส่น้ำตาล จะได้น้ำอัฐบาน หรือจะนำเอาผลห่ามมาฝานให้เป็นแผ่นแล้วเอามาตากแดด ย่างไฟให้พอหอม เอามาต้มหรือชงในน้ำร้อน เติมน้ำตาลเข้าไปเล็กน้อย สามารถนำเอามาดื่มได้ทั้งตอนร้อนและเย็น ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ อีกทั้งยังช่วยบำรุงหัวใจได้เป็นอย่างดี
  6. ผู้ที่มีอาการท้องผูก สามารถรักษาอาการดังกล่าวได้ด้วยการกินเนื้อผลมะตูมสุกครั้งละ 1 ลูก แล้วดื่มน้ำตามให้มากๆ

ไอเดียการกินมะตูมเพื่อสุขภาพ

นอกจากมะตูมจะมีส่วนในการใช้เพื่อสุขภาพกันแล้ว ยังเป็นผลไม้ที่สามารถนำเอามาทำเป็นเมนูน่าทานได้อีกด้วย มาดูไอเดียการกินมะตูมเพื่อสุขภาพกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1.มัฟฟินมะตูมเชื่อม

เมนูน่าทานนี้ให้เตรียมแป้งขนมปัง อบเชยป่น ผงฟู ผงวานิลา เนยสดชนิดเค็ม ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และมะตูมเชื่อมหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ เมื่อเตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้วให้เริ่มจากการร่อนแป้ง อบเชย ผงฟู และผงวานิลา ลงไปในอ่างผสม จากนั้นมาต่อกันด้วยการตีเนยสดด้วยหัวตีใบไม้ ใช้ความเร็วขนาดกลาง เติมน้ำตาลทรายและตีต่อจนฟูขึ้นเล็กน้อย ใส่ไข่ไก่ทีละฟองและตีให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ และเติมมะตูมเชื่อม คนให้เข้ากันดี ตักใส่ถ้วยกระดาษ นำเข้าเตาอบ อบจนสุกเหลืองแล้วนำออกมา พักให้เย็นพร้อมเสิร์ฟทาน

2.น้ำมะตูม

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแก้วนี้ให้เตรียมมะตูมแห้ง น้ำเปล่าสะอาด และน้ำตาลทรายแดง เมื่อได้วัตถุดิบทั้งหมดแล้วให้นำมะตูมแห้งย่างไฟจนได้กลิ่นหอม จากนั้นให้ใส่น้ำลงไปในหม้อ ตามด้วยมะตูมที่ย่างไฟเรียบร้อยแล้ว ต้มด้วยไฟกลางจนเดือดและมะตูมเริ่มเปลี่ยนสี ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป ผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำมะตูมเปลี่ยนเป็นสีเข้ม จากนั้นยกลงจากเตาและกรองเอาส่วนกากออก พักทิ้งไว้ให้เย็น เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

3.มะตูมเชื่อมเปียก

อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจในการนำเอามะตูมมาทำเป็นของทานแสนอร่อยก็คือมะตูมเชื่อม โดยให้เตรียมมะตูมดิบ น้ำเปล่า และน้ำตาลทราย จากนั้นให้ทำการปอกเปลือกมะตูม หั่นมะตูมเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว นำไปล้างด้วยน้ำเกลือเพื่อให้เมือกออกให้หมด คว้านเอาเมล็ดออก เอาไปแช่น้ำปูนใสประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นให้ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยมะตูมแล้วต้มจนสุก ตักมะตูมขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วมาต่อด้วยการเชื่อมะตูม โดยใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ เติมน้ำตาลทราย เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ใส่มะตูมลงไปเชื่อมจนน้ำตาลซึมเข้าไปในเนื้อมะตูม รวมทั้งน้ำเชื่อมเริ่มเหนียวข้น ตักชิ้นมะตูมใส่จาน ราดด้วยน้ำเชื่อมก่อนเสิร์ฟเป็นอันเสร็จ

4.มะตูมน้ำผึ้งแท้

อีกหนึ่งเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็คือน้ำมะตูมผสมกับน้ำผึ้งแท้ วัตถุดิบที่ต้องเตรียมก็คือมะตูมแห้ง น้ำผึ้ง และน้ำสะอาด ทำการล้างมะตูมให้สะอาด จากนั้นซับน้ำให้แห้ง เอาไปคั่วจนได้กลิ่นหอม จากนั้นให้ทำการต้มมะตูมที่คั่วเรียบร้อยแล้วกับน้ำสะอาดจนมะตูมเริ่มนิ่ม กรองด้วยผ้าขาวบางสะอาด ใส่น้ำผึ้งแท้ลงไป คนจนน้ำผึ้งละลายไปกับน้ำมะตูม นำมาดื่มจะช่วยแก้อาการกระหายได้เป็นอย่างดี

ข้อควรระวัง

  1. ใบอ่อนของต้นมะตูมมักนิยมนำมาทานจิ้มน้ำพริก แต่ไม่ควรทานในปริมาณมาก เพราะอาจส่งผลทำให้เป็นหมันหรือแท้งลูกได้ ทางที่ดีผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการทานใบอ่อนของมะตูมจะดีที่สุด
  2. การทานมะตูมอาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ในระหว่างของการผ่าตัดและหลังผ่าตัด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย สำหรับผู้ที่ต้องได้รับการผ่าตัดควรหยุดทานมะตูมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด จะเห็นได้ว่ามะตูมไม่ได้เป็นผลไม้ที่สามารถนำเอามาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำเอามาทำเป็นเมนูของหวานน่าทานได้อีกด้วย และที่สำคัญส่วนต่างๆ ของมะตูมยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยรักษาโรคและอาการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นผลไม้หรือผักที่ส่งผลดีต่อร่างกายมากมายแค่ไหน ก็ย่อมมีปริมาณในการทานที่เหมาะสม ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรใส่ใจในส่วนของข้อควรระวังทุกครั้งที่ต้องการบริโภค เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพร่างกายนั่นเอง 

ข้อมูลจาก https://www.honestdocs.co

ภาพ istock

Leave a Reply