มะเร็งลำไส้ใหญ่-ทวารหนัก

ห่างไกล!”มะเร็งลำไส้” เรื่อง”กิน”เรื่อง”ใหญ่”!

Views

ปัจจุบันมะเร็งลำไส้ใหญ่พบมากเป็นอันดับ 3 ของโลก และสถิติล่าสุดพบว่า ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะไทยพบมากขึ้นทั้งในผู้ชายและผู้หญิง

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ละเลยตรวจเช็กโรคนี้ ทำให้มักพบเมื่อป่วยเข้าสู่ระยะท้ายๆ แล้ว

ดังนั้น การรู้เท่าทันมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยดูแลใส่ใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหมั่นตรวจเช็กตั้งแต่เนิ่นๆ คือหนทางป้องกันโรคได้ในระยะยาว

ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผอ.รพ.วัฒโนสถ กล่าวว่า สาเหตุมะเร็งลำไส้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ ทานเนื้อสัตว์ติดมันและเนื้อแดงปริมาณมาก ทานเนื้อสัตว์ที่ผ่านการปรุงแต่ง (ไส้กรอก เบคอน แฮม เป็นต้น) ปริมาณมากๆ ทานผักผลไม้น้อยหรือไม่ทานเลย ขาดการออกกำลังกาย อ้วน สูบบุหรี่จัด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ พันธุกรรม หากมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ รวมทั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมบางชนิด จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคนี้

อาการ ระยะแรกอาจไม่มีอาการแสดงที่จำเพาะ โดยอาการที่บ่งบอกว่าอาจจะเป็น ได้แก่ 1) ขับถ่ายผิดปกติ ท้องผูกสลับท้องเสีย มีเลือดออกทางทวาร อุจจาระปนเลือด หรืออุจจาระมีลักษณะเปลี่ยนไปเป็นเส้นเล็กลง

2.ปวดท้อง โดยการปวดขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนและตำแหน่งที่พบ เช่น ถ้าก้อนโตด้านหน้าจะปวดเจ็บคล้ายเป็นไส้ติ่ง ถ้ามีก้อนบริเวณลำไส้ใหญ่ด้านซ้ายจะมีอาการลำไส้อุดตัน ปวดท้องคล้ายลำไส้ถูกบิด เป็นต้น

การตรวจวินิจฉัยทำได้โดยส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทวารหนัก เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์โดยสวนแป้งแบเรี่ยม ตรวจเลือดเพื่อหามะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยวัดระดับ Carcinoembryonic Antigen(CEA) ตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น เอกซเรย์ทรวงอก CT Scan MRI หรือส่องกล้องคลื่นความถี่สูง (EUS)

การรักษาขึ้นกับอาการและความรุนแรง ได้แก่ ระยะที่ 0 ระยะก่อนมะเร็ง เซลล์มะเร็งจะอยู่บริเวณผนังลำไส้ รักษาโดยส่องกล้องเพื่อเตัดชิ้นเนื้อออก

ระยะที่ 1 – ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งลุกลามเข้าไปบริเวณผนังกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่ยังไม่แพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง รักษาโดยผ่าตัดตามตำแหน่งที่พบในลำไส้ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่ตรวจพบระยะที่ 2 จะตรวจยีนเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องให้ยาเคมีบำบัดด้วยหรือไม่ เพราะจะช่วยลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้

ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง ต้องตรวจยีนร่วมด้วย รักษาโดยให้เคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้า แต่จะฉายรังสีร่วมด้วยในกรณีที่พบบริเวณลำไส้และทวารหนัก

ระยะที่ 4 เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปทั่วต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ปอด กระเพาะอาหาร รังไข่ ต้องรักษาเริ่มต้นโดยให้เคมีบำบัด ร่วมกับฉายรังสี ตามด้วยผ่าตัดก้อนมะเร็งในตำแหน่งที่พบ รวมถึงตำแหน่งที่ลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง

การผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ ข้อดีคือ แผลเล็ก เสียเลือดลดลง เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ลดเกิดผลแทรกซ้อนจากการผ่าตัด กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ การจะผ่าตัดแบบใดขึ้นกับการวินิจฉัยของแพทย์เป็นสำคัญ เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ดีและเหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน

ทั้งนี้ การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทวารหนัก แนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุกๆ 5 – 10 ปี ตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป จะช่วยให้สามารถรับมือได้ทันท่วงที แต่หากมีคนในครอบครัวเคยป่วยด้วยโรคนี้ แนะนำให้ตรวจตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป เพื่อหาความผิดปกติของลำไส้ใหญ่

อีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงได้คือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรับประทานดังข้างต้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ร่วมกับทำจิตใจให้บริสุทธิ์ มีส่วนสำคัญช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและห่างไกลจากมะเร็งได้

ขอบคุณที่มา สยามรัฐ