ข่าว โควิด-19

‘โควิด-19’ ทั่วโลกสะเทือน พบระบาดสูงขึ้น ไทย 9 จังหวัดยังเหนียวไม่พบป่วย รวม 33 จังหวัดปลอดเชื้อ

Views

เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลก 208 ประเทศ ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 53 และพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อทั่วโลกสะสมรวม 2,331,892 ราย อาการหนัก 55,280 ราย รักษาหายแล้ว 596,850 ราย เสียชีวิต 160,763 ราย ประเทศที่พบผู้ป่วยสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.ประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดจำนวน 138,913 ราย เสียชีวิต 39,015 ราย 2.สเปน 194,416 ราย เสียชีวิต 20,636 ราย 3.อิตาลี 175,925 ราย เสียชีวิต 23,227 ราย 4.ฝรั่งเศส 151,793 ราย เสียชีวิต 19,323 ราย 5.เยอรมนี 143,724 ราย เสียชีวิต 4,538 ราย 6.อังกฤษ 114,217 ราย เสียชีวิต 15,464 ราย 7.จีน 82,735 ราย เสียชีวิต 4,632 ราย 8.ตุรกี 82,329 ราย เสียชีวิต 1,890 ราย 9.อิหร่าน 80,868 รายเสียชีวิต 5,031 รายและ 10.เบลเยียม 37,183 ราย เสียชีวิต 5,453 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ทั่วโลก เมื่อวันที่ 19 เมษายน มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นใน 1 วัน จำนวน 6,502 ราย โดยในจำนวนนี้มีประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา จำนวน 1,857 ราย อังกฤษ จำนวน 888 ราย และฝรั่งเศส 642 ราย ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ทางทวีปตะวันตกทั้งสิ้น ส่วนกรณีของประเทศจีนที่เมื่อวันที่ 18 เมษายน มีการรายงานผู้ป่วยที่ปรับเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เกิดขึ้นจากการปรับระบบข้อมูล ที่ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ในวันนี้ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในประเทศ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนในทวีปฝั่งเอเชีย ประเทศใกล้กับประเทศไทยคือ ประเทศญี่ปุ่น พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 509 ราย สะสมอยู่ที่ 10,296 ราย ประเทศสิงคโปร์พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 942 รายสะสมอยู่ที่ 5,992 ราย ซึ่งมีรายงานว่าเกิดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจากแรงงานต่างชาติ ที่อยู่แออัดกันในพื้นที่พัก

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ในประเทศไทย จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 จำนวน 2,765 ราย พบใน 68 จังหวัด กรมควบคุมโรคได้ จัดอันดับจังหวัดที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด 10 ลำดับแรกของประเทศไทย ได้แก่
1.กรุงเทพมหานคร(กทม.) จำนวน 1,425 ราย
2.ภูเก็ต 192 ราย
3.นนทบุรี 150 ราย
4.สมุทรปราการ 108 ราย
5.ยะลา 99 ราย
6.ปัตตานี 90ราย
7.ชลบุรี 84 ราย
8.สงขลา 56 ราย
9.เชียงใหม่ 40 ราย
10.ปทุมธานี 33 ราย
และ อยู่ในระหว่างสอบสวนโรค 68 ราย

นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อัตราการป่วยต่อประชากรแสนคน จำแนกตามจังหวัดที่รับรักษา ในจำนวน 2,733 ราย 68 จังหวัด สามารถจำแนกได้ดังนี้
1.ภูเก็ต อัตราส่วน 46.44(คนต่อแสนประชากร)
2.กทม. อัตราส่วน 25.13
3.ยะลา อัตราส่วน 18.53
4.ปัตตานี อัตราส่วน 12.47
5.นนทบุรี อัตราส่วน 11.94
6.สมุทรปราการ อัตราส่วน 8.09
7.สตูล (รวมผู้เดินทางกลับจากอินโดนีเซีย) อัตราส่วน 5.58
7.ชลบุรี อัตราส่วน 5.43
9.สงขลา อัตราส่วน 3.90
10.นราธิวาส อัตราส่วน 3.85

นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-18 เมษายน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา สกลนคร และสุรินทร์ รวมเป็น 33 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา สกลนคร และสุรินทร์

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีทั้งหมด 9 จังหวัดที่ยังไม่พบผู้ป่วยมาก่อน จากเดิมมี 15, 13, 10 จังหวัดตามลำดับ ได้แก่ 1.กำแพงเพชร 2.ชัยนาท 3.ตราด 4.น่าน 5.บึงกาฬ 6.พิจิตร 7.ระนอง 8.สิงห์บุรี และ 9.อ่างทอง

“ขณะนี้ประเทศไทยพบว่ามีพื้นที่ที่ไม่มีผู้ป่วยเยอะขึ้นเรื่อยๆ ส่วนแนวโน้มการพบผู้ป่วยในพื้นที่ กทม.-นนทบุรีและต่างจังหวัดพบว่า ในส่วนของ กทม.-นนทบุรีมีแนวโน้มว่าจะเจอผู้ป่วยมากขึ้น ส่วนต่างจังหวัด มีจำนวนที่ขึ้นๆ ลงๆ เนื่องจากมีผู้ที่เข้ากับการตัวในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดไว้ให้ ซึ่งจะส่งผลให้มีจำนวนตัวเลขในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีเป็นการกักกันคนที่มีโรคให้อยู่ในพื้นที่จำกัดและปลอดภัย พื้นที่ของ กทม.-นนทบุรี มีแนวโน้มที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นจากสถานที่ชุมชนต่างๆ เช่น ห้าง ตลาดนัด และสิ่งนี้คือความสำคัญว่าเราจะคงตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ให้ต่ำที่สุดได้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกท่าน ส่วนในภาคใต้มีจำนวนผู้ป่วยที่ลดน้อยลง ซึ่งเกิดจากความร่วมมือจากทุกฝ่าย ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : มติชนออนไลน์

Leave a Reply