ภูมิคุ้มกันสุขภาพทั่วไปอาหาร กับ สุขภาพ

20 อาหารเสริมภูมิต้านทาน กินให้ได้ทุกวัน ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย

Views

ทุกวันนี้เราเผชิญกับความเสี่ยงต่อสุขภาพในหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นการมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงจะเป็นเกราะป้องกันให้เรารอดจากภัยสุขภาพต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

          ชีวิตต้องสู้ทั้งฝุ่น ทั้งไวรัส และในอนาคตก็ไม่รู้จะมีเชื้อโรคอะไรอีกไหมที่ต้องระวัง เรียกได้ว่าเราอยู่บนความเสี่ยงแบบที่อาจจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะป้องกันหรือดูแลตัวเองไม่ได้ซะทีเดียว เพราะหากร่างกายเราแข็งแรง ภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคใด ๆ ก็ตาม โอกาสที่จะป่วย หรือป่วยหนักจนอันตรายก็จะลดน้อยลงไปด้วย ดังนั้นคงจะดีที่สุดหากเราจะเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานอย่างขยันขันแข็ง อย่างอาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้

1. ชาเขียว

ชาเขียว

          ชาเขียวมีสารสำคัญที่ชื่อว่า เคทิชิน (Catechins) ซึ่งมีคุณสมบัติเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ควรดื่มชาเขียวร้อน ที่ไม่ผสมน้ำตาล หรือมีน้ำตาลในปริมาณน้อยที่สุด อย่างน้อยวันละ 2 แก้ว จะช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกายได้
 

ชาเขียว ดื่มอย่างไร ได้ประโยชน์เต็ม ๆ

2. ขิง

ขิง

          ขิงเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็มีประโยชน์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อีกทั้งสารจิงเกอร์รอลในขิงยังมีสรรพคุณลดโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ของร่างกายได้ โดยเฉพาะโอกาสติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นใครไม่อยากเป็นหวัดบ่อย ๆ ก็กินขิงต้านหวัดได้นะ
 

ประโยชน์และโทษของขิง ที่คุณอาจคาดไม่ถึง

3. ขมิ้น

ขมิ้น

          สมุนไพรที่รู้จักกันดีอย่างขมิ้นก็มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และลดการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้ขมิ้นยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นสารสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกระบวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
 

ขมิ้นชัน สมุนไพรชั้นเลิศ ช่วยดูแลสุขภาพ

4.ตะไคร้

ตะไคร้

          สายสมุนไพรต้องถูกใจสิ่งนี้แน่ เพราะตะไคร้มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน จะเอาไปคั้นน้ำหรือนำมาประกอบอาหารก็อร่อยไปหมด ส่วนในด้านสรรพคุณของตะไคร้ก็เจ๋งไม่เบา ทั้งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยผ่อนคลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ หรือจะไล่ไข้หวัดก็ได้ เพราะตะไคร้เป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน
 

ตะไคร้ กับ 7 คุณประโยชน์ที่รู้แล้วต้องทึ่ง !

5. กระเทียม

กระเทียม

          กระเทียมมีสารอัลลิซินและซัลไฟด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเสริมความแข็งแรงของภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ในตำรับยาสมุนไพรไทยยังบอกไว้ว่า กระเทียมมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหวัด เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยในกระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส อีกทั้งกระเทียมยังเป็นสมุนไพรรสเผ็ดร้อน ช่วยขยายทางเดินหายใจ ทำให้หายใจสะดวกขึ้นอีกด้วย
 

สรรพคุณของกระเทียมอย่างเจ๋ง ช่วยลดความเสี่ยงได้หลายโรค

6. พริก

พริก

          ใต้ความเผ็ดร้อนของพริกนั้นเต็มไปด้วยสารสำคัญที่ชื่อว่าแคปไซซิน สารตัวนี้มีสรรพคุณเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ทั้งยังช่วยเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว นอกจากนี้ในพริกยังอุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซี บวกกับเบต้าแคโรทีนที่จะช่วยเสริมทัพให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายได้อีกทาง
 

          อ้อ ! แต่อย่ากินพริกมากเกินไปนะ เพราะความเผ็ดของพริกอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
 

13 ประโยชน์ของพริก ความแซ่บที่ซ่อนสรรพคุณสุดจี๊ดไว้มากมาย

7. ต้นอ่อนทานตะวัน

ต้นอ่อนทานตะวัน

          ในศาสตร์ของแพทย์แผนอายุรเวทโบราณนั้น ต้นอ่อนทานตะวันสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใ­จ นอกจากนี้ในต้นอ่อนทานตะวันยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ภูมิคุ้มกัน มีวิตามินบี 1 บี 6 วิตามินอี วิตามินซี และเซเลเนียม สารอาหารที่ดีต่อสุขภาพอยู่ด้วย
 

ต้นอ่อนทานตะวัน ประโยชน์อนันต์ที่ไม่ควรพลาดจากพืชตัวน้อย

8. เห็ดหอม

เห็ดหอม

          ความเด็ดของเห็ดหอมไม่ได้อยู่ที่รสชาติเท่านั้น แต่ในเห็ดหอมยังมีเบต้ากลูแคน ที่จะทำหน้าที่ไปจับกับผนังเซลล์เม็ดเลือดขาว เพื่มความสามารถในการเคลื่อนตัวไปดักจับเชื้อโรคแปลกปลอมในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

9. เห็ดชนิดต่าง ๆ

เห็ดชนิดต่าง ๆ

          ใครไม่ชอบกินเห็ดหอมก็อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะในเห็ดแทบทุกชนิดก็มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ เนื่องจากในเห็ดชนิดต่าง ๆ มีสารสำคัญมากมาย โดยเฉพาะโพลิแซคาไรด์ สารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวได้ดี และเห็ดชนิดอื่น ๆ ก็มีสารเบต้ากลูแคนอยู่ด้วยเหมือนกัน
 

ประโยชน์ของเห็ด 7 ชนิด

10. โยเกิร์ต และนมเปรี้ยว

โยเกิร์ต และนมเปรี้ยว

          ในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะมีจุลินทรีย์และโตแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยยับยั้งการเกิดจุลินทรีย์ไม่ดีในระบบย่อยอาหาร เช่น แบคทีเรียบางชนิด รา หรือยีสต์ นอกจากนี้จุลินทรีย์ชนิดดีในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวยังมีส่วนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวและแอนติบอดี้ เป็นอาวุธให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

11. บลูเบอร์รี

บลูเบอร์รี

          ในบลูเบอร์รีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญนั่นก็คือ แอนโธไซยานิน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และการศึกษาเมื่อปี 2016 ยังพบว่า สารฟลาโวนอยด์ในบลูเบอร์รีมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรคในระบบทางเดินหายใจ โดยจากการวิจัยก็พบว่า คนที่กินอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์จะมีอัตราการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ เช่น เป็นหวัด น้อยกว่าคนที่ไม่กินอาหารที่มีฟลาโวนอยด์

12. มะละกอ

มะละกอ

          มะละกอสุกเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เบต้าแคโรทีน ที่ล้วนแต่เป็นสารสำคัญในกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และเมื่อเม็ดเลือดขาวในร่างกายเรามีความพร้อม เวลาเจอเชื้อโรคแปลกปลอมเข้ามาก็จะมีความสามารถในการสกัดกั้นเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น ทำให้อัตราการป่วยลดน้อยลง หรือหากป่วยแล้วก็จะมีอาการไม่หนักหนามาก
 

ประโยชน์ของมะละกอ ผลไม้สรรพคุณเด่น เป็นได้ทั้งคาว-หวาน

13. กีวี

กีวี

          ผลไม้อย่างกีวีอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายตัว ทั้งวิตามินซี วิตามินเค โฟเลต โพแทสเซียม ไฟเบอร์ และสารอาหารสำคัญเหล่านี้แหละที่มีส่วนในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยให้ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเจ๋งไปกว่าที่เป็นอยู่

14. ผลไม้ตระกูลซิตรัส

ผลไม้ตระกูลซิตรัส

          ผลไม้ตระกูลซิตรัสอย่างส้ม มะนาว เลมอน ส้มโอ หรือเกรปฟรุต เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีและฟลาโวนอยด์ค่อนข้างสูง และสองสารอาหารที่ผลไม้ตระกูลซิตรัสมี ก็เป็นสารอาหารที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ และมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดขาว ผนึกกำลังกันเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบภูมิคุ้มกันได้ไม่ยาก

15. เมล็ดทานตะวัน

เมล็ดทานตะวัน

          ของกินเล่นเพลิน ๆ แถมมีประโยชน์อนันต์อย่างเมล็ดทานตะวันเป็นอาหารที่มีวิตามินอีสูง ซึ่งวิตามินอีก็มีส่วนเพิ่มการสร้างเซลล์ต่าง ๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน และในเมล็ดทานตะวันยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ คอยป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลายด้วยอนุมูลอิสระต่าง ๆ อีกด้วย
 

เมล็ดทานตะวัน ประโยชน์อนันต์ของเมล็ดพันธุ์ขนาดจิ๋ว

16. อัลมอนด์

อัลมอนด์

           อีกหนึ่งเมล็ดธัญพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินอี สารอาหารสำคัญในการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย และยังมีแมกนีเซียม แมงกานีส และไฟเบอร์อยู่ในตัวเองอีกต่างหาก ที่สำคัญคืออร่อย กินเพลินสุด ๆ
 

10 ประโยชน์ของอัลมอนด์ เคี้ยวเพลิน ได้สุขภาพ

17. ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์

ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์

          ถ้าพูดถึงเบต้ากลูแคน สารอาหารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของภูมิคุ้มกัน ในข้าวโอ๊ตและข้าวบาร์เลย์ก็มีสารสำคัญตัวนี้ ยืนยันจากการศึกษาของประเทศนอร์เวย์ก็ยังพบว่า ผู้ที่กินข้าวโอ๊ตและข้าวบาร์เลย์ จะช่วยให้บาดแผลที่เป็นอยู่หายเร็วขึ้น และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย

18. อาหารที่มีกรดโอเมก้า 3

ปลาแซลมอน

          โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่พบได้มากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล นอกจากนี้ยังจะพบโอเมก้า 3 ได้ในธัญพืชบางชนิด เช่น ถั่ววอลนัท ถั่วแระ เมล็ดปอ หรือในพืชผักใบเขียวก็มีโอเมก้า 3 เช่นกัน และโอเมก้า 3 นี่แหละค่ะที่จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายเราได้ เพราะเป็นกรดไขมันจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดขาว และเป็นสารสำคัญในกระบวนการทำงานของระบบภูมิต้านทานในร่างกาย
 

อาหารที่มีโอเมก้า-3 สูง มีอะไรบ้าง ไม่ต้องกินแต่ปลาก็ได้ !

19. อาหารที่มีวิตามินเอสูง

อาหารที่มีวิตามินเอสูง

          วิตามินเอเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดขาว ทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาวได้อีกด้วย โดยอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอก็จะมีตับปลา แครอต ผักโขม มะเขือเทศ เสาวรส บรอกโคลี ฟักข้าว เป็นต้น
 

          นอกจากอาหารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันแล้ว เราก็ควรช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วย เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายมากกว่า 30 นาทีต่อวัน หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เกินวันละ 2 แก้ว งดสูบบุหรี่ กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือให้ติดเป็นนิสัย และสุดท้ายควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีอย่าให้ขาด
 

20. อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

          นายแพทย์โคอิชิโร ฟุจิตะ (Koichiro Fujita) ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันการติดเชื้อจากประเทศญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า อนุมูลอิสระเป็นตัวการบั่นทอนเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายเราอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้นเราจึงควรกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มพฤกษเคมี เช่น สารโพลีฟีนอล ที่พบได้มากในกะหล่ำปลีม่วง ผักกะเฉด ยอดมะม่วงหิมพานต์ ใบมันปู และใบส้มแป้น นอกจากนี้ก็ควรกินอาหารที่มีสารแคโรทีนอยด์สูง เช่น พริกหวานสีแดง แครอต ผักชีล้อม ตำลึง ฟักทอง หรืออาหารที่มีสารประกอบซัลเฟอร์ ซึ่งพบได้ในพืชที่มีกลิ่นแรง เช่น หัวหอม หัวผักกาด เป็นต้น
 

ขอบคุณข้อมูลจาก : kapook
Thai PBSชีวจิตโรงพยาบาลสมิติเวชโรงพยาบาลสงขลานครินทร์โรงพยาบาลศิริราช, medicalnewstoday, healthline

Leave a Reply