สุขภาพเด็ก

เตือนระวัง! แค่หอมบ่อยๆ ก็ทำให้ลูกเสี่ยงติดเชื้อถึง 5 โรค

Views

จะทำอย่างไร เมื่อลูกน่ารัก ทำให้เมื่อใครพบเห็นก็อยากเข้ามากอดมาหอม ซึ่งเตือนไว้เลยว่าอาจทำให้ลูกเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ เพราะภูมิคุ้มกันของเด็กนั้นยังไม่ดีพอ โดยโรคติดเชื้อเหล่านี้สามารถทำอันตรายต่อชีวิตลูกน้อยได้เลยทีเดียว

5 โรคติดเชื้อ ที่มาจากการหอมบ่อยๆ

โรคร้ายจากการสัมผัสอย่างใกล้ชิดนั้น มีโรคอะไรบ้างมาติดตามดูกัน

1.เริม

เชื้อเริมที่ทำให้เกิดการติดเชื้อนั้น เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง มีชื่อว่า Herpes simplex virus (HSV) โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ HSV2 เป็นการติดเชื้อจากอวัยวะเพศ โดยเชื้อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์นี้ ค่อนข้างรุนแรง และสามารถทำให้ทารกติดเชื้อได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ส่วนอีกชนิดคือ คือ HSV1 ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากและริมฝีปาก โดยเด็กสามารถติดได้จากการสัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อเริมนี้อยู่ก่อน อย่างการหอมกัน เป็นต้น

อาการ

เด็กที่ได้รับเชื้อเริม จะมีไข้ ซึม และเนื่องจากมีแผลเป็นตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นที่ปากและผิวหนัง จึงทำให้ไม่ยอมดูดนม ดังนั้น ควรต้องรีบเข้ารับการรักษา มิเช่นนั้นเด็กอาจมีโอกาสพิการทางสมองได้

2.ไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่นั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัส influenza ที่ระบบทางเดินหายใจ โดยการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่นั้น สามารถส่งผ่านจากการไอ จาม พูดคุยกัน ของผู้ที่มีเชื้อ รวมไปถึงน้ำลายจากการใช้สิ่งของร่วมกันไม่ว่าจะช้อนส้อม จาน แก้วน้ำ ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่จึงไม่ควรไปใกล้ชิดกับเด็ก รวมทั้งเมื่อใช้มือปิดปากขณะไอหรือจามก็ควรล้างมือด้วยทุกครั้ง

อาการ

อาการป่วยโดยทั่วไปจะคล้ายกับการเป็นไข้หวัด แต่จะหนักกว่าและใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เป็นต้น

3.RSV

Respiratory Syncytial Virus หรือ RSV เป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ง่ายโดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ยังไม่มีภูมิต้านทาน การติดต่อนั้นเกิดจากการสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะเป็นต้น

อาการ

เชื้อ RSV นั้น ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ นอกจากนี้ ยังทำให้มีเสมหะออกมามาก และเมื่อเยื่อบุหลอดลมและทางเดินหายใจเกิดการบวมขึ้นมา จะทำให้เด็กเกิดอาการเหนื่อยหอบ เนื่องจากหายใจได้ไม่สะดวก ดังนั้นเด็กที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ทั้งโรคหัวใจ โรคปอด โรคหอบหืดต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะอาจทำให้หัวใจหยุดทำงานได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเป็นอย่างมาก

4.หัด

โรคหัดถือเป็นอีกโรคหนึ่งที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ซึ่งโรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Rubeola Virus และเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่าย เพียงแค่หายใจรับเชื้อที่อยู่ในอากาศเข้าไปเมื่อผู้ป่วยไอหรือจามออกมา รวมทั้งการไปสัมผัสโดนน้ำลายหรือน้ำมูกของผู้ป่วยอีกด้วย

อาการ

อาการจะแสดงยาวนานถึง 2-3 สัปดาห์ นับตั้งแต่ช่วงเชื้อฟักตัว ซึ่งเด็กจะยังไม่แสดงอาการออกมา โดยมีระยะฟักตัวนาน 8-12 วัน จึงค่อยแสดงอาการคล้ายเป็นหวัด คือมี ไข้ ไอ มีน้ำมูก จนกระทั่งออกผื่นแดงตามใบหน้าและลำตัว ก่อนผื่นจะจางลงและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงแล้วค่อยๆ ลอกออกไป

5.อีสุกอีใส

โรคอีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัส Vericella Zoster ซึ่งเป็นเชื้อเดียวที่ทำให้เป็นโรคงูสวัด ส่วนการแพร่เชื้อนั้น สามารถติดต่อผ่านการไอ จาม หอมแก้ม หรือสัมผัสโดนตุ่มแผลสุกใส รวมทั้งการไปสัมผัสโดนข้าวของเครื่องใช้ของผู้ป่วย ก็จะทำให้ติดเชื้ออีกสุกอีใสได้

อาการ

ในช่วง 1-2 วันแรกหลังการรับเชื้อ จะทำให้มีไข้ต่ำๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ เจ็บคอ หลังจากนั้นจะเกิดผื่นแดงตามร่างกายก่อนกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ และในสัปดาห์ต่อมาจึงเริ่มตกสะเก็ด โดยตุ่มน้ำนี้จะทำให้มีอาการคันร่วมด้วย

วิธีป้องกันไม่ให้ลูกติดเชื้อโรคร้าย

เพื่อไม่ให้ลูกติดโรคร้ายไปด้วย จึงมีคำแนะนำดังต่อไปนี้

  1. ในช่วงแรกเกิด ควรให้ลูกได้รับนมแม่เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย
  2. ผู้ปกครองควรล้างมือทุกครั้งหลังจากกลับมาจากข้างนอก เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคมาสู่ลูกน้อย
  3. ทำความสะอาดของใช้ของลูก เช่น เสื้อผ้า ของเล่น ขวดนม ให้สะอาดอยู่เสมอ
  4. ไม่พาลูกไปในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ หรือที่แออัด เช่นห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ เพราะอาจทำให้ลูกติดเชื้อได้ง่าย
  5. ไม่ควรให้คนแปลกหน้ามาสัมผัสใกล้ชิดลูก
  6. หลังลูกกลับจากโรงเรียนควรให้ลูกอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
  7. สอนลูกไม่ให้ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ช้อน แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
  8. ในช่วงมีโรคระบาด ไม่ควรพาเด็กไปในที่สุ่มเสี่ยง เช่นโรงพยาบาล
  9. ไม่ควรไปจับ หอม สัมผัสเด็กคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกของตนเอง โดยควรได้รับอนุญาตจากพ่อแม่เด็กก่อน และล้างมือก่อนทุกครั้ง
  10. สอนให้ลูกไม่นำมือเข้าปาก หรือสัมผัสใบหน้า โดยควรฝึกลูกให้รู้จักล้างมือบ่อยๆเมื่อต้องไปอยู่โรงเรียน

เพื่อสุขภาพที่ดีของเด็ก บางครั้งอาจจำเป็นต้องอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจ ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้กับลูกน้อย โดยการป้องกันเอาไว้ก่อน ย่อมเป็นผลดีกว่าการมาแก้ไขทีหลัง ซึ่งถ้าเด็กเกิดรับเชื้อไปแล้ว เชื้อโรคบางชนิดอาจทำอันตรายทำให้เด็กเสียชีวิตได้เลย

ข้อมูลจาก

logo

Leave a Reply