มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

แนะหญิงสูงวัยระวังมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

Views

เรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม สำหรับผู้หญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่ประจำเดือนเริ่มหมด หรือเรียกว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยทอง ผู้หญิงที่อ้วน หรือไม่มีบุตร ท่านอาจจะเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกก็เป็นได้ ซึ่งมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรีไทยโดยพบประมาณ 3 คนต่อแสนรายต่อปี และพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน แต่ในปัจจุบันเริ่มพบในผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 40 ปี มากขึ้น

แพทย์หญิงกมัยธร เทียนทอง กลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ รพ.ราชวิถี ได้อธิบายมูลเหตุของโรคนี้ว่า มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ พบว่าการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนเป็นปัจจัยที่พบได้บ่อย ดังนั้น ภาวะใดก็ตามที่ทำให้มีฮอร์โมนเหล่านี้มากผิดปกติก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้ด้วย คือ

1.คนไข้วัยทอง ที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมเพียงอย่างเดียว สามารถกระตุ้นโรคนี้ได้

2.สมุนไพร ยาสมุนไพรบางชนิดมีเอสโตรเจนปริมาณสูง เช่น กวาวเครือ และอีกหลายชนิดมีเอสโตรเจนแฝงอยู่โดยไม่รู้

3.ความอ้วน คนที่มีน้ำหนักตัวมากจะมีการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้มากกว่าคนที่น้ำหนักตัวปกติ ยิ่งอ้วนมากยิ่งมีความเสี่ยง

4.ยารักษามะเร็งเต้านม ผู้ป่วยฯหลังผ่าตัด แพทย์จะให้ทานยาป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (ทามอกซิเฟน) ซึ่งยานี้จะกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติได้ จึงต้องตรวจ-ติดตามอย่างใกล้ชิด จดความถี่ของประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ ถ้าผิดปกติควรมาพบแพทย์

5.ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หน้ามัน มีสิว หรือมีขนดกมากขึ้น นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆอีก ได้แก่ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ผู้หญิงที่ไม่มีลูก มีประวัติพันธุกรรมญาติสายตรงเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่อย่าเพิ่งตกใจ เพราะการมีปัจจัยเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นมะเร็ง แต่จะได้เฝ้าระวังดูแลและรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการ

คุณหมอกมัยธรกล่าวต่อว่า อาการ โรคนี้มักเริ่มแสดงอาการแต่เนิ่นๆ นั่นคือ มีเลือดออกทางช่องคลอด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้มักเกิดหลังอายุ 50 ปี ดังนั้น ผู้หญิงทุกคนที่มีเลือดออกหลังหมดประจำเดือนไปแล้วควรรีบมาพบแพทย์ หากผู้ที่ยังไม่ถึงวัยทอง แต่ถ้ามีอาการเลือดออกผิดปกติที่ไม่ใช่รอบเดือน ก็ควรมาพบแพทย์เช่นกัน ซึ่งการรักษา การผ่าตัดเป็นวิธีหลักของการรักษาโรคนี้ ทำได้ทั้งการผ่าตัดทางหน้าท้อง และการผ่าตัดผ่านกล้อง จากนั้นแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาต่อว่าควรได้รับการรักษาเพิ่มเติมหรือไม่

ปัจจุบันกลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี พยายามหาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาใช้ในการผ่าตัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดผ่านกล้องในผู้ป่วยที่เหมาะสม จะทำให้เกิดแผลเล็ก คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วและไม่ต้องค้าง รพ.หลายวัน เพราะพบว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ามารักษาเฉพาะมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ บุคลากรทางการแพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่จำเป็นต้องรักษาอาจต้องรอคิวการรักษายาวนาน ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน มาร่วมต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยที่รอโอกาสทางการรักษาโรคมะเร็ง ใน “กองทุนพิชิตมะเร็ง มูลนิธิ รพ.ราชวิถี” โดยร่วมบริจาคได้ที่บัญชี “มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี” หมายเลขบัญชี 0512163221 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรงพยาบาลราชวิถี หรือโทร. 0-2354-7997-9, www.rajavithifondation.com

ขอขอบคุณข้อมูล:thairath.co.th

Leave a Reply