SLE

10 สัญญาณเตือน “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” อาจนำไปสู่โรคแพ้ภูมิตัวเอง ภัยที่ไม่ควรมองข้าม

Views
โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune disease) เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เริ่มทำลายส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ตามการวิจัยเผยว่า โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองเป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของการเสียชีวิตในเพศหญิงของกลุ่มอายุไม่เกิน 64 ปี และโรคนี้มีอาการต่างกันถึง 80 ชนิด และบางอาการก็ดูปกติธรรมดาด้วย

ดังนั้นการสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่นๆ ไว้ก็ไม่ผิดอะไร ถือว่าเป็นช่วยยึดอายุและป้องกันตัวเอง ลองมาดูกันว่าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่หากใช่จะได้ไปพบแพทย์ตั้งแต่ตอนนี้

1. ปวดหัว สมองตื้อ สมาธิสั้น

อาการเหล่านี้ส่อสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความเครียดหรืออาการนอนไม่หลับ ป็นสัญญาณของภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคพุ่มพวง โรคโลหิตจาง)

2. เป็นสิว โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนัง ผิวหนังอักเสบ หรือผื่นรูปผีเสื้อ (Butterfly rash)

โรคผิวหนังนอกจากทำลายความมั่นใจแล้วยังซ่อนอาการแฝงไว้อีก หากคุณมีอาการเหล่านี้แนะนำให้พบแพทย์เพื่อความปลอดภัยจะดีที่สุด

3. โรคภูมิแพ้หอบหืด

มีข้อสงสัยที่กล่าวว่า โรคหอบหืดอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติกับโรคแพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งมีงานวิจัยจำนวนมากที่อ้างว่าโรคแพ้ภูมิตัวเองเป็นโครงสร้างพื้นฐานของโรคหอบหืด

4. ความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หรือโรคสมาธิสั้น

อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่พบได้ในทุกสภาวะของภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมักจะกลายเป็นสัญญาณใหญ่ในเวลาต่อมา บางครั้งคุณอาจตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเหนื่อยล้ากว่าตอนเข้านอนเสียอีก แม้ว่าทุกอย่างในชีวิตจะดีกว่าแต่ก่อนมากก็ตาม

5. อาการปวดกล้ามเนื้อ ความกะปลกกะเปลี้ย ความเมื่อยและอาการปวด

ความอ่อนแอและความเจ็บปวดกล้ามเนื้อส่งผลเสียต่อกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น เดินขึ้นบันได หรือแบกของหนัก ซึ่งอาจเป็นอาการที่เป็นๆ หายๆ หรือเป็นอย่างต่อเนื่อง ถือว่าไม่ควรปล่อยปละละเลย เนื่องจากอาจเกิดจากโรคตับอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคอื่น ๆ

6. ปวดท้อง จุกเสียด มีแก๊ส ท้องอืด ท้องร่วง ท้องผูก

เรื่องการย่อยอาหารเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคแพ้ภูมิตัวเอง อย่างโรคแพ้กลูเตน (เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน) โรคสำไส้ใหญ่บวมเป็นแผล ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์และอื่นๆ

7. น้ำหนักเพิ่มหรือน้ำหนักลดลง

โรคแพ้ภูมิตัวเองบางชนิดส่งผลต่อต่อมไทรอยด์ อวัยวะนี้ควบคุมกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย หากเริ่มมีการผลิตฮอร์โมนมากเกินไปหรือผลิตฮอร์โมนไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลต่อเรื่องน้ำหนัก

8. อาการชา รู้สึกเสียวตามมือและเท้า

อาการเหน็บชาหากเป็นๆ หายๆ ก็ไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ แต่หากเป็นหลายครั้งต่อสัปดาห์อาจนำมาซึ่งปัญหาร้ายแรง

9. ผมร่วง

เมื่อระบบภูมิคุ้มกันเริ่มโจมตีรูขุมขนที่ผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมร่วง เริ่มต้นด้วยการอักเสบของผิวหนังที่ศีรษะ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อขนส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วย

10. ไข้ต่ำ

อาการไข้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุโดยปราศจากอาการอื่นๆ มักถูกเพิกเฉย แต่กลับเป็นอาการที่ยากที่สุดในการรักษา ปัญหาอยู่ที่ว่ามันสามารถเชื่อมโยงได้กับอีกหลายอาการ และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องก็เป็นหนึ่งในนั้น

แต่อย่าเพิ่งเศร้าใจไปหากคุณสังเกตตัวเองและพบว่ามีอาการเหล่านี้ ซึ่งอาจมีสาเหตุอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ทางป้องกันที่ดีที่สุดคือรีบไปพบแพทย์ดีกว่ามานั่งเสียใจภายหลัง

ที่มา brightside