เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่า “มะเร็งเต้านม” จะเกิดขึ้นกับใครและเมื่อไหร่ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตรเอง…ก็อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดนี้ได้เช่นกัน ก้อนที่เต้านมจะใช่มะเร็งหรือเปล่านะ ถ้าพบมะเร็งจะอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ แล้วน้ำนมแม่ล่ะ..จะยังป้อนให้ลูกน้อยได้อยู่ไหม นพ.โกมล ปรีชาสนองกิจ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านม ศูนย์รักษ์เต้านม โรงพยาบาลพญาไท 2 จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้กัน!!
ก้อนบริเวณเต้านม..อาจไม่ใช่มะเร็งเสมอไป
เมื่อเราตรวจพบก้อน..ต้องมาดูว่าก้อนที่ว่านี้เป็นก้อนเนื้อหรือถุงน้ำ ถ้าเป็นถุงน้ำแสดงว่าไม่ใช่มะเร็ง..หรือที่เราเรียกกันว่า “ซีสต์” โดยปกติซีสต์จะขยายใหญ่ขึ้นตามฮอร์โมน ซึ่งช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนจะเพิ่มขึ้น..จึงเป็นไปได้ว่าถุงน้ำจะมีขนาดโตขึ้นด้วย
คุณแม่ตั้งครรภ์..สามารถตรวจแมมโมแกรมได้หรือไม่?
กรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์พบว่ามีก้อนหรือเจ็บบริเวณเต้านมแล้วสงสัยว่าเป็นมะเร็ง การตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรมจะ “ไม่สามารถทำได้” เนื่องจากว่ามีรังสี เพราะฉะนั้นก่อนทำแมมโมแกรม ถ้าคนไข้มีการขาดประจำเดือนติดต่อกันหลายเดือน แพทย์ต้องทำการตรวจเช็คก่อนว่าท้องหรือไม่ ถ้าท้องจะไม่สามารถทำได้…ต้องใช้การอัลตร้าซาวนด์เท่านั้น!!
อัลตร้าซาวนด์แตกต่างจากแมมโมแกรมยังไง ? อันตรายต่อคุณแม่และทารกหรือไม่
แมมโมแกรมเป็นการตรวจเพื่อเช็คดูหินปูน แต่จะมองไม่เห็นก้อนหรือถุงน้ำ ต่างกับการอัลตร้าซาวนด์ที่สามารถมองเห็นก้อนหรือถุงน้ำได้ และด้วยความหนาแน่นของเต้านมที่ค่อนข้างมาก การตรวจแมมโมแกรมในประเทศไทย…จึงมักพ่วงการอัลตร้าซาวนด์มาด้วยเสมอ! ซึ่งในการอัลตร้าซาวนด์นั้น ไม่มีผลอันตรายต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณภาพน้ำนมในขณะให้นมบุตร
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ตรวจพบมะเร็งเต้านม..ต้องยุติการตั้งครรภ์หรือไม่
ถ้าตรวจพบระยะแรกๆ ในบางรายอาจจบการรักษาแค่ผ่าตัด..ซึ่งไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์ แต่ถ้าเมื่อไหร่ต้องให้ยาเคมีบำบัดหรือต้องฉายแสง อาจต้องเลื่อนการรักษา เพื่อรอให้อวัยวะของทารกในครรภ์สร้างเสร็จก่อน..หรือผ่านไตรมาสที่สามไปแล้ว เพราะค่อนข้างปลอดภัยกว่า แต่โดยส่วนมาก..เมื่อผ่าตัดแล้วมักจะรอให้คลอดก่อนค่อยทำการรักษาต่อด้วยเคมีบำบัด “แต่ในประเทศไทยยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเมื่อเป็นมะเร็งเต้านมแล้วต้องทำแท้งหรือยุติการตั้งครรภ์”
การทิ้งระยะห่างแบบนี้มีผลต่อการหายขาดของโรคไหม
มะเร็งเต้านม..เป็น systemic disease คือไม่ได้อยู่แค่เฉพาะเต้านม แต่กระจายอยู่ในร่างกาย ในเลือด การผ่าตัดจึงเป็นเหมือนแค่การกวาดบ้านที่เก็บแค่เศษใหญ่ๆ ออกไป แต่การให้เคมีบำบัดหรือยาต้านฮอร์โมนจะเป็นเหมือนการถูบ้าน เพื่อเช็ดฝุ่นที่เล็กละเอียดให้ออกไปจนหมด การทิ้งระยะห่างของการรักษา…จึงมีความเสี่ยง! แต่เพราะยาเคมีบำบัดเองก็มีผลต่อการสร้างอวัยวะของเด็กทารกเช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องพูดคุยถึงความเสี่ยงนี้กับผู้ป่วยก่อน!
แล้วสำหรับคุณแม่ให้นมบุตรล่ะ..ต้องหยุดให้นมบุตรหรือเปล่า
เพราะมีการกระจายของมะเร็งในเซลล์ร่างกายหรือในเลือด เราจึงไม่แนะนำให้คุณแม่ให้นมบุตรต่อ และการให้นมบุตรยังทำให้เซลล์เกิดการขยาย การควบคุมเซลล์มะเร็งจึงเป็นไปได้ยาก ส่วนใหญ่เราจึงแนะนำให้ “หยุด” การให้นมบุตร
เพราะมะเร็งเต้านมยิ่งพบเร็ว..ยิ่งเพิ่มเปอร์เซ็นต์ทางการรักษา การตรวจเต้านมก่อนการตั้งครรภ์ หรือตรวจในช่วงการตั้งครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสแรกเพื่อดูความผิดปกติ จึงเป็นข้อปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมได้ดีกว่า…
ขอบคุณ นพ.โกมล ปรีชาสนองกิจ
ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านม
ศูนย์รักษ์เต้านม โรงพยาบาลพญาไท 2