มะเร็งเต้านม

จริงหรือไม่? ถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ สาเหตุมะเร็งเต้านม?

Views

ไขข้อเท็จจริง “ถั่วเหลือง-น้ำเต้าหู้” กับความเสี่ยงมะเร็งเต้านม: หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าอย่างไร?

ข้อมูลที่แชร์กันในโลกออนไลน์ว่าการบริโภคถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น น้ำเต้าหู้ อาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม ได้สร้างความสับสนและกังวลใจให้กับผู้หญิงจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยในมนุษย์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันสรุปตรงกันว่า การบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่เพียงแต่ปลอดภัย แต่ยังมีแนวโน้มที่จะช่วย “ลด” ความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย

ประเด็นที่ 1: ถั่วเหลืองทำให้เป็นมะเร็งเต้านมจริงหรือ?

ความกังวลนี้เกิดขึ้นจากสารในถั่วเหลืองที่ชื่อว่า ไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนของมนุษย์ ทำให้ถูกเรียกว่า “ไฟโตเอสโตรเจน” (Phytoestrogen) และเกิดความเชื่อว่าอาจไปกระตุ้นเซลล์มะเร็งเต้านมชนิดที่ตอบสนองต่อฮอร์โมนได้ แต่ความเป็นจริงนั้นซับซ้อนกว่ามาก

  • หลักฐานจากการศึกษาในประชากรมนุษย์ (Epidemiological Studies):

    • การป้องกันการเกิดมะเร็ง: การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยขนาดใหญ่จำนวนมาก (Meta-analysis) ซึ่งติดตามผู้หญิงหลายแสนคน พบว่า กลุ่มผู้หญิงที่บริโภคถั่วเหลืองมากที่สุด มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมต่ำกว่ากลุ่มที่บริโภคน้อยที่สุดอย่างมีนัยสำคัญ (Wei et al., 2011)

    • ความปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม: สำหรับผู้ที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน การบริโภคถั่วเหลืองก็มีความปลอดภัย การศึกษาในกลุ่มผู้รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านมหลายพันคน พบว่า กลุ่มที่บริโภคถั่วเหลืองเป็นประจำ มีอัตราการกลับมาเป็นซ้ำของโรคและอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้บริโภค (Shu et al., 2009; Nechuta et al., 2012)

    • การบริโภคในวัยเด็กและวัยรุ่น: มีหลักฐานชี้ว่า การบริโภคถั่วเหลืองในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น อาจให้ผลในการป้องกันมะเร็งเต้านมในวัยผู้ใหญ่ได้ดีที่สุด (Korde et al., 2009)

  • คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ (The “Soy Paradox”): เหตุผลที่ผลการศึกษาในมนุษย์ขัดแย้งกับความกังวลในตอนแรก คือ ไอโซฟลาโวนทำหน้าที่คล้ายกับ “ยาปรับสมดุลฮอร์โมน” (SERM – Selective Estrogen Receptor Modulator) โดยสามารถออกฤทธิ์ได้ 2 รูปแบบ คือ

    1. ฤทธิ์ต้านเอสโตรเจน (Anti-estrogenic): ในผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือนที่มีระดับเอสโตรเจนสูง ไอโซฟลาโวนจะเข้าไปแย่งจับกับตัวรับเอสโตรเจน (Estrogen Receptor) ทำให้เอสโตรเจนจริงที่มีฤทธิ์แรงกว่าไม่สามารถกระตุ้นเซลล์ได้

    2. ฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนอย่างอ่อน (Weak estrogenic): ในผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือนที่มีระดับเอสโตรเจนต่ำมาก ไอโซฟลาโวนอาจออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนอย่างอ่อนๆ ซึ่งอาจช่วยลดอาการวัยทองและส่งผลดีต่อกระดูก (Messina, 2016)


ประเด็นที่ 2: สารเคมีตกค้างในถั่วเหลือง GMO ก่อมะเร็งหรือไม่?

ความกังวลอีกประการหนึ่งเกี่ยวข้องกับถั่วเหลืองที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรม (GMO) ซึ่งมักปลูกควบคู่กับการใช้ยาฆ่าวัชพืชที่มีสารออกฤทธิ์คือ ไกลโฟเสต (Glyphosate)

  • การประเมินความเสี่ยง: ในปี 2015 องค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ซึ่งเป็นหน่วยงานของ WHO ได้จัดให้ไกลโฟเสตอยู่ในกลุ่ม 2A คือ “น่าจะก่อมะเร็งในมนุษย์” โดยอิงจากหลักฐานในสัตว์ทดลองเป็นหลัก (IARC, 2015)

  • บริบทของปริมาณที่ได้รับ: อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยอาหารทั่วโลก เช่น องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) และองค์การความปลอดภัยด้านอาหารแห่งยุโรป (EFSA) ได้ระบุว่า ปริมาณไกลโฟเสตที่อาจตกค้างในอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และต่ำกว่าระดับที่ยอมรับได้ต่อวัน (Acceptable Daily Intake – ADI) หลายเท่า ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค (U.S. Food & Drug Administration, 2024) ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือที่เชื่อมโยงการบริโภคถั่วเหลือง GMO กับการเกิดมะเร็งในมนุษย์


ข้อแนะนำในการบริโภค

  • เน้นอาหารจากธรรมชาติ: ประโยชน์ที่พบในงานวิจัยมาจากการบริโภค “อาหารจากถั่วเหลืองทั้งเมล็ด” (Whole Soy Foods) เช่น เต้าหู้, นมถั่วเหลือง, ถั่วแระญี่ปุ่น (Edamame), เทมเป้ ในปริมาณ 1-3 ส่วนต่อวัน (1 ส่วน = นมถั่วเหลือง 1 แก้ว หรือ เต้าหู้ ¼ ก้อน)

  • ระวังผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: ควรระมัดระวังการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไอโซฟลาโวนสกัดในปริมาณที่สูงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากยังขาดข้อมูลด้านความปลอดภัยในระยะยาว (American Institute for Cancer Research, 2021)

สรุป: ผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถบริโภคถั่วเหลืองได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม และควรให้ความสำคัญกับภาพรวมของสุขภาพ คือ การรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลัก, ควบคุมน้ำหนัก, และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นแนวทางป้องกันมะเร็งที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับชัดเจนที่สุด (World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research, 2018)


เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)

  1. American Institute for Cancer Research. (2021). Soy: Intake Does Not Increase Risk for Breast Cancer Survivors. https://www.aicr.org/resources/blog/soy-intake-does-not-increase-risk-for-breast-cancer-survivors/

  2. International Agency for Research on Cancer. (2015). IARC Monographs Volume 112: evaluation of five organophosphate insecticides and herbicides. World Health Organization. https://publications.iarc.fr/Book-And-Report-Series/Iarc-Monographs-On-The-Identification-Of-Carcinogenic-Hazards-To-Humans/Some-Organophosphate-Insecticides-And-Herbicides-2017

  3. Korde, L. A., Wu, A. H., Fears, T. R., Nomura, A. M., West, D. W., Kolonel, L. N., … & Ziegler, R. G. (2009). Childhood soy intake and breast cancer risk in Asian American women. Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention, 18(4), 1050–1059. https://doi.org/10.1158/1055-9965.EPI-08-0639

  4. Messina, M. (2016). Soy and health update: Evaluation of the clinical and epidemiologic literature. Nutrients, 8(12), 754. https://doi.org/10.3390/nu8120754

  5. Nechuta, S. J., Caan, B. J., Chen, W. Y., Lu, W., Chen, Z., Kwan, M. L., … & Shu, X. O. (2012). Soy food intake after diagnosis of breast cancer and survival: an in-depth analysis of combined evidence from cohort studies of US and Chinese women. The American Journal of Clinical Nutrition, 96(1), 123–132. https://doi.org/10.3945/ajcn.112.035972

  6. Shu, X. O., Zheng, Y., Cai, H., Gu, K., Chen, Z., Zheng, W., & Lu, W. (2009). Soy food intake and breast cancer survival. JAMA, 302(22), 2437–2443. https://doi.org/10.1001/jama.2009.1783

  7. U.S. Food & Drug Administration. (2024, February 27). Questions and Answers on Glyphosate. https://www.fda.gov/food/pesticides/questions-and-answers-glyphosate

  8. Wei, Y., Lv, J., & Li, C. (2011). Association of soy food intake with risk of breast cancer in China. Asian Pacific Journal of Cancer Prevention, 12(5), 1297-1301. http://journal.waocp.org/article_25081_d3fc0e7740f1a4e5bb02e26099b2e15f.pdf

  9. World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research. (2018). Diet, Nutrition, Physical Activity and Cancer: A Global Perspective. Continuous Update Project Expert Report 2018. https://www.wcrf.org/diet-activity-and-cancer/

  10. American Cancer Society. (2022). Soy and Cancer Risk. Retrieved September 30, 2025, from https://www.cancer.org/healthy/eat-healthy-get-active/acs-guidelines-nutrition-physical-activity-cancer-prevention/common-questions/soy-and-cancer-risk.html