โรคหัวใจ

แพทย์แนะ ผู้ป่วย “โรคหัวใจ” ยังต้องรักษา-พบแพทย์ต่อเนื่อง แม้ช่วง “โควิด-19”

Views

ในสภาวะวิกฤตของโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่บ้าน หลายๆ จังหวัดมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเพื่อความปลอดภัยของทุกคน แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวคงใช้ชีวิตในสถานการณ์นี้อย่างยากลำบาก หลายคนมีความกังวลที่จะต้องเดินทางมาโรงพยาบาล เพื่อรักษาโรคประจำตัวอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากหยุดการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจมีผลเสียต่อสุขภาพและมีความเสี่ยงมากกว่า


ผู้ป่วยโรคหัวใจ ยังต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

นพ.ศิรพัชร์ พูนวุฒิกุล อายุรแพทย์โรคหัวใจ ประจำศูนย์หัวใจโรงพยาบาลนครธน กล่าวว่า “ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจมีอัตราความเสี่ยงในการเสียชีวิต มากกว่าปกติ ดังนั้นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรมีการตรวจและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไตโรคตับ โรคปอด ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นโรคเรื้อรังที่มีอาการค่อนข้างชัดเจน จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังอาการ รวมถึงระวังภาวะแทรกซ้อนของโรคอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนของโรคอาจจะยังไม่เห็นชัดในตอนนี้ แต่จะส่งผลใน 1 ปี หรือ 4-5 ปีข้างหน้า”

โรคหัวใจ เป็นอีกหนึ่งโรคประจำตัวที่ควรได้รับการรักษาและดูแลอาการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ป่วยอาจมีอาการเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน จำเป็นต้องปรับตัวยาเพื่อการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การปรับยาค่าแข็งตัวของเลือด ในคนไข้ที่เป็นหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดขึ้นมาในหัวใจได้ อาจทำให้ไปอุดตันที่สมองหรือส่วนอื่นๆ ซึ่งในเมื่อก่อนแพทย์จะให้กินยา วาฟาริน (Warfarin) คือยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือที่เรียกกันว่ายาละลายลิ่มเลือด ใช้เพื่อช่วยลดการแข็งตัวของเลือด ซึ่งการใช้ยาวาฟารินจำเป็นต้องได้รับการวัดระดับค่าแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ นอกจากนี้วาฟารินยังอาจตีกับยาตัวอื่นหรือแม้แต่อาหารที่รับประทานได้ค่อนข้างบ่อย เพราะฉะนั้นควรต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด


ผู้ป่วยโรคหัวใจ หากเป็นโรคโควิด-19 อาจอันตรายกว่าคนทั่วไป

“ผู้ป่วยโรคหัวใจ มีโอกาสติดโรคโควิด-19 เหมือนคนทั่วไป แต่อาจส่งผลรุนแรง และอาจมีอัตราความเสี่ยงการเสียชีวิตสูงกว่าคนปกติ ดังนั้นผู้ป่วยต้องดูแลตนเองทั้งในโรคประจำตัวและโรคโควิด-19 โดยปกติแพทย์จะมีคำแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตนเองเมื่ออยู่บ้าน ทั้งในเรื่องการลดอาหารหวาน มัน เค็ม และออกกำลังกายตามความเหมาะสม ในส่วนของการป้องกันส่วนอื่น เช่น การฉีดวัคซีนในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว แพทย์จะแนะนำวัคซีนป้องกันไว้ก่อนอยู่แล้ว โดยวัคซีนควรฉีดเกือบทุกคนที่มีโรคประจำตัว คือ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งควรฉีดเป็นประจำทุกปี เพราะสายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่เปลี่ยนไปทุกปี และถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะจำเพาะ เช่น สูงอายุมาก ไม่เคยมีเรื่องของงูสวัดเลย อาจจะแนะนำให้ฉีดป้องกันงูสวัด หรือวัคซีนในเรื่องของ IPD ที่ป้องกันการเป็นปอดบวมแบบขั้นรุนแรง” 

ทั้งนี้ หากการเดินทางไปโรงพยาบาลยังทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เพราะยังกลัวเสี่ยงติดเชื้อไวรัส สามารถติดต่อสอบถามบริการปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอลกับโรงพยาบาลที่ให้การรักษาอยู่ได้เช่นกัน เพื่อที่ยังได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ และยังรักษาระยะห่างทางสังคม หรือ social distancing ได้อีกด้วย แต่หากผู้ป่วยที่มีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เช่น เหนื่อย วูบใจสั่น หน้ามืด เจ็บหน้าอก นอนราบไม่ได้ เป็นต้น ควรมาพบแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้มีความเสี่ยงที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :นพ.ศิรพัชร์ พูนวุฒิกุล อายุรแพทย์โรคหัวใจ ประจำศูนย์หัวใจโรงพยาบาลนครธน

ภาพ :iStock

Leave a Reply