“รู้ทัน รู้เร็ว รักษาหายได้”: ถอดรหัสยุทธศาสตร์ป้องกันมะเร็งเต้านมยุคใหม่
มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้หญิงทั่วโลกและในประเทศไทย (Sung et al., 2021) อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ทั้งในด้านการตรวจคัดกรองที่สามารถค้นหาโรคได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม และวิธีการรักษาที่ทันสมัย ทำให้คำกล่าวที่ว่า “รู้ทัน รู้เร็ว รักษาหายได้” เป็นความจริงที่จับต้องได้มากกว่าในอดีต การทำความเข้าใจแนวทางการเฝ้าระวังที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกคน
ปรับมุมมองใหม่: จาก “การตรวจด้วยตนเอง” สู่ “การตระหนักรู้”
ในอดีตมีการรณรงค์ให้ผู้หญิง “ตรวจเต้านมด้วยตนเอง” (Breast Self-Examination – BSE) อย่างเป็นแบบแผนทุกเดือน อย่างไรก็ตาม การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบจากงานวิจัยขนาดใหญ่โดย Cochrane พบว่าการสอนให้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง ไม่ได้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับเพิ่มจำนวนการผ่าตัดชิ้นเนื้อในภาวะที่ไม่ใช่มะเร็งและเพิ่มความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น (Kösters & Gøtzsche, 2003)
ด้วยเหตุนี้ องค์กรด้านสุขภาพชั้นนำระดับโลก เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้ปรับเปลี่ยนคำแนะนำมาเป็นการส่งเสริม “การตระหนักรู้ถึงความปกติของเต้านมตนเอง” (Breast Self-Awareness – BSA) (WHO, 2023) ซึ่งหมายถึงการที่ผู้หญิงมีความคุ้นเคยกับเต้านมของตนเอง เพื่อให้สามารถสังเกตเห็น “ความเปลี่ยนแปลง” ที่ผิดปกติไปจากเดิมและรีบไปพบแพทย์ทันที
คุณสามารถใช้วิธีการดูและคลำแบบดั้งเดิม (เช่น แบบก้นหอย, แบบแนวนอน, แบบรัศมี) เพื่อ “ทำความคุ้นเคย” กับร่างกายของตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำอย่างเคร่งครัดทุกเดือน แต่ให้เน้นที่การจดจำลักษณะปกติของเต้านมคุณให้ได้
3 เสาหลักของยุทธศาสตร์การตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น
แนวทางการป้องกันมะเร็งเต้านมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามคำแนะนำสากล ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ (Oeffinger et al., 2015):
-
การตระหนักรู้ถึงเต้านมตนเอง (BSA): เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงและพบแพทย์ได้ทันท่วงที
-
การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Exam – CBE): ควรเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปี
-
การตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์: แมมโมแกรมเป็นเครื่องมือเดียวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ (Nelson et al., 2016) เพราะสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ก่อนที่จะมีอาการหรือคลำพบก้อน ผู้หญิงทั่วไปควรเริ่มทำแมมโมแกรมเป็นประจำทุกปีเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป
ทำไม “การตรวจพบเร็ว” จึงสำคัญ?
ความสำคัญของการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพราะโอกาสในการรักษาให้หายขาดนั้นขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่ตรวจพบโดยตรง:
-
ระยะที่ 0-1 (Localized): มะเร็งยังอยู่เฉพาะที่เต้านม อัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีสูงถึง 99%
-
ระยะที่ 2-3 (Regional): มะเร็งเริ่มแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง อัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีอยู่ที่ประมาณ 86%
-
ระยะที่ 4 (Distant): มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น อัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีลดลงเหลือ 30% (American Cancer Society, 2024)
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การตรวจพบมะเร็งในขณะที่ยังมีขนาดเล็กและยังไม่แพร่กระจาย (เช่น ขนาดน้อยกว่า 2 เซนติเมตร) มีผลอย่างยิ่งต่อการพยากรณ์โรค
ความก้าวหน้าทางการรักษา: ความหวังสำหรับทุกระยะ
ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้พัฒนาไปอย่างก้าวไกล ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงน้อยลง:
-
การผ่าตัด: มีเทคนิคการผ่าตัดแบบสงวนเต้ามากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องตัดเต้านมทิ้งทั้งเต้าเสมอไป
-
ยาบำบัด: นอกจากยาเคมีบำบัดและยาต้านฮอร์โมนแล้ว ยังมี “ยารักษาแบบมุ่งเป้า” (Targeted Therapy) ที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง เช่น ยาในกลุ่ม anti-HER2 ซึ่งได้ปฏิวัติการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด HER2-positive และช่วยยืดอายุผู้ป่วยระยะลุกลามได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (Swain et al., 2015)
พลังของ “กำลังใจ”: บทบาทสำคัญของครอบครัวและสังคม
การต่อสู้กับโรคมะเร็งไม่ได้มีเพียงมิติทางกาย แต่ยังรวมถึงสุขภาพจิตใจด้วย กำลังใจและการสนับสนุนจากครอบครัวและคนรอบข้าง เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีพลังใจในการเผชิญหน้ากับการรักษาที่ยาวนานและลดความกลัวลงได้ (Usta, 2012) การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยยังช่วยให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลและสร้างความเข้มแข็งทางใจได้อีกด้วย
บทสรุป: การรณรงค์ให้ผู้หญิงไทย “รู้ทัน รู้เร็ว” เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเน้นที่การตระหนักรู้ถึงความปกติของร่างกายตนเอง ควบคู่ไปกับการเข้ารับการตรวจคัดกรองทางคลินิกตามวัยที่เหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและเพิ่มโอกาสการรักษาให้หายขาดได้ในที่สุด
เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)
-
American Cancer Society. (2024). Cancer Facts & Figures 2024. Atlanta: American Cancer Society. https://www.cancer.org/research/cancer-facts-statistics/all-cancer-facts-figures/2024-cancer-facts-figures.html
-
Kösters, J. P., & Gøtzsche, P. C. (2003). Regular self-examination or clinical examination for early detection of breast cancer. Cochrane Database of Systematic Reviews, 2003(2), CD003373. https://doi.org/10.1002/14651858.CD003373
-
National Cancer Institute. (2022). Hospital Based Cancer Registry Annual Report 2021. Ministry of Public Health, Thailand. http://www.nci.go.th/th/File_download/Nci_news/hospital-based%20cancer%20registry%202021.pdf
-
Nelson, H. D., Fu, R., Cantor, A., Pappas, M., Daeges, M., & Humphrey, L. (2016). Effectiveness of breast cancer screening: systematic review and meta-analysis to update the 2009 U.S. Preventive Services Task Force recommendation. Annals of Internal Medicine, 164(4), 244–255. https://doi.org/10.7326/M15-0969
-
Oeffinger, K. C., Fontham, E. T., Etzioni, R., Herzig, A., Michaelson, J. S., Shih, Y. C., … & Wender, R. (2015). Breast cancer screening for women at average risk: 2015 guideline update from the American Cancer Society. JAMA, 314(15), 1599–1614. https://doi.org/10.1001/jama.2015.12783
-
Sung, H., Ferlay, J., Siegel, R. L., Laversanne, M., Soerjomataram, I., Jemal, A., & Bray, F. (2021). Global cancer statistics 2020: GLOBOCAN estimates of incidence and mortality worldwide for 36 cancers in 185 countries. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 71(3), 209–249. https://doi.org/10.3322/caac.21660
-
Swain, S. M., Miles, D., Kim, S. B., Im, Y. H., Im, S. A., Semiglazov, V., … & Geyer, C. E. (2015). Pertuzumab, trastuzumab, and docetaxel for HER2-positive metastatic breast cancer (CLEOPATRA): end-of-study results from a double-blind, randomised, placebo-controlled, phase 3 study. The Lancet Oncology, 16(5), 509-518. https://doi.org/10.1016/S1470-2045(15)70113-X
-
Thomas, D. B., Gao, D. L., Ray, R. M., Wang, W. W., Allison, C. J., Chen, F. L., … & Li, W. (2002). Randomized trial of breast self-examination in Shanghai: final results. Journal of the National Cancer Institute, 94(19), 1445–1457. https://doi.org/10.1093/jnci/94.19.1445
-
Usta, Y. Y. (2012). Importance of social support in cancer patients. Asian Pacific Journal of Cancer Prevention, 13(8), 3569-3572. https://doi.org/10.7314/apjcp.2012.13.8.3569
-
World Health Organization (WHO). (2023, July 12). Breast cancer. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/breast-cancer
