มะเร็งเต้านมในผู้ชาย: ภัยเงียบที่ผู้ชายต้องรู้
แม้ว่ามะเร็งเต้านมจะเป็นที่รู้จักในฐานะโรคร้ายอันดับหนึ่งของผู้หญิง แต่ความจริงแล้วผู้ชายก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน แม้จะพบได้น้อยมาก แต่การขาดความตระหนักรู้มักทำให้ผู้ชายได้รับการวินิจฉัยในระยะที่ลุกลามแล้ว การทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงและอาการของโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
สถานการณ์และสถิติของมะเร็งเต้านมในผู้ชาย
มะเร็งเต้านมในผู้ชาย (Male Breast Cancer – MBC) ถือเป็นโรคที่พบได้น้อย โดยคิดเป็นสัดส่วน น้อยกว่า 1% ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั้งหมด และน้อยกว่า 1% ของมะเร็งทั้งหมดที่พบในผู้ชาย
-
สถิติที่น่าสนใจ: จากข้อมูลของสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) ความเสี่ยงตลอดชีวิตของผู้ชายที่จะเป็นมะเร็งเต้านมอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 833 (เทียบกับผู้หญิงคือ 1 ใน 8) (American Cancer Society, 2024) โดยอายุเฉลี่ยที่ตรวจพบในผู้ชายคือประมาณ 68-72 ปี ซึ่งสูงกว่าในผู้หญิงประมาณ 5-10 ปี (Fentiman, 2018)
-
สถานการณ์ในประเทศไทย: จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งล่าสุด (ปี 2022) พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชายรายใหม่ 436 คน เทียบกับผู้ป่วยหญิง 22,153 คน ซึ่งสอดคล้องกับสถิติทั่วโลก (National Cancer Institute, 2022)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในผู้ชายมีความแตกต่างและคล้ายคลึงกับผู้หญิง โดยปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ “ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงผิดปกติ” ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่สุด
-
ปัจจัยทางพันธุกรรม (Genetic Predisposition):
-
ประวัติครอบครัว: ประมาณ 20% ของผู้ป่วยชายมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม
-
ยีนกลายพันธุ์: มะเร็งเต้านมในผู้ชายมีความเชื่อมโยงกับพันธุกรรมสูงกว่าในผู้หญิง โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ของยีน BRCA2 ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงตลอดชีวิตของผู้ชายในการเป็นมะเร็งเต้านมขึ้นเป็น 5-10% (ประมาณ 80 เท่าของคนทั่วไป) ในขณะที่ยีน BRCA1 เพิ่มความเสี่ยงเล็กน้อย (Tai et al., 2007; Brinton et al., 2014)
-
-
ภาวะที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง (Hyperestrogenism):
-
กลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ (Klinefelter Syndrome): เป็นภาวะผิดปกติทางโครโมโซม (47,XXY) ที่ทำให้ผู้ชายมีระดับฮอร์โมนเพศชายต่ำและฮอร์โมนเพศหญิงสูง มีลักษณะเต้านมโต (Gynecomastia) และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมสูงถึง 20-50 เท่า (Hultborn et al., 1997)
-
โรคตับแข็ง (Liver Cirrhosis): ตับทำหน้าที่เผาผลาญฮอร์โมนเอสโตรเจน เมื่อตับทำงานบกพร่องจะทำให้มีระดับเอสโตรเจนในร่างกายสูงขึ้น
-
โรคอ้วน (Obesity): เนื้อเยื่อไขมันเป็นแหล่งที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย (Androgens) ไปเป็นฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogens) ผ่านเอนไซม์ Aromatase การมีไขมันในร่างกายมากจึงทำให้มีระดับเอสโตรเจนสูงขึ้น (Brinton et al., 2014)
-
-
ปัจจัยอื่นๆ:
-
อายุที่เพิ่มขึ้น: เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดเช่นเดียวกับในผู้หญิง
-
การได้รับรังสีบริเวณหน้าอก: โดยเฉพาะในวัยหนุ่ม
-
อาการและการวินิจฉัย
เนื่องจากผู้ชายมีเนื้อเยื่อเต้านมน้อย อาการจึงมักปรากฏชัดเจน แต่บ่อยครั้งที่ถูกละเลยเพราะขาดความตระหนัก
-
อาการที่พบบ่อยที่สุด: การคลำพบ ก้อนแข็งที่ไม่เจ็บ บริเวณใต้หัวนมและลานนม (Subareolar mass) (Fentiman, 2018)
-
อาการอื่นๆ: หัวนมบุ๋ม (Nipple retraction), ผิวหนังเปลี่ยนแปลง (เป็นแผล, รอยบุ๋ม, ผิวเปลือกส้ม), หรือมีของเหลว (มักเป็นเลือด) ไหลออกจากหัวนม
การวินิจฉัยทำได้เช่นเดียวกับในผู้หญิง คือการตรวจด้วยแมมโมแกรม, อัลตราซาวด์ และยืนยันด้วยการเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy) (NCCN Guidelines, 2024)
การรักษาและอัตราการรอดชีวิต
-
การรักษา: แนวทางการรักษาจะคล้ายคลึงกับในผู้หญิง โดยขึ้นอยู่กับระยะของโรคและลักษณะทางชีววิทยาของมะเร็ง (เช่น การตอบสนองต่อฮอร์โมน) ซึ่งประกอบด้วยการผ่าตัด (มักเป็นการตัดเต้านมออกทั้งเต้า), การให้ยาต้านฮอร์โมน (เนื่องจากมะเร็งเต้านมในผู้ชายกว่า 90% เป็นชนิดตอบสนองต่อฮอร์โมน), เคมีบำบัด, และรังสีรักษา (Abdel-Wahab et al., 2022)
-
อัตราการรอดชีวิต: เมื่อเปรียบเทียบในระยะของโรคที่เท่ากัน (Stage-for-stage) อัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยชายและหญิงนั้น ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วผู้ชายมักมีพยากรณ์โรคที่แย่กว่า เนื่องจากมักจะมาพบแพทย์ในระยะที่โรคลุกลามไปแล้ว (Wang et al., 2021)
บทสรุป: ผู้ชาย โดยเฉพาะผู้สูงวัยหรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม/รังไข่ ควรใส่ใจสังเกตความผิดปกติของเต้านมตนเอง และหากคลำพบก้อนหรือมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด
เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)
-
Abdel-Wahab, M., Sheikh, A., & Ginter, P. S. (2022). Male breast cancer: a review. Annals of Translational Medicine, 10(23), 1319. https://doi.org/10.21037/atm-2022-38
-
American Cancer Society. (2024). Key Statistics for Breast Cancer in Men. Retrieved September 30, 2025, from https://www.cancer.org/cancer/types/breast-cancer-in-men/about/key-statistics.html
-
Brinton, L. A., Cook, M. B., McCormack, V., Johnson, K. C., Olsson, H., Casagrande, J. T., … & Devesa, S. S. (2014). Anthropometric and hormonal risk factors for male breast cancer: male breast cancer pooling project results. Journal of the National Cancer Institute, 106(3), djt465. https://doi.org/10.1093/jnci/djt465
-
Fentiman, I. S. (2018). Male breast cancer is not a lump of fat. International Journal of Clinical Practice, 72(4), e13069. https://doi.org/10.1111/ijcp.13069
-
Hultborn, R., Hanson, C., Köpf, I., Verbiené, I., Warnhammar, E., & Weimarck, A. (1997). Prevalence of Klinefelter’s syndrome in male breast cancer patients. Anticancer Research, 17(6D), 4293–4297.
-
National Cancer Institute. (2022). Cancer in Thailand Vol. XI, 2016-2018. Ministry of Public Health, Thailand. http://www.nci.go.th/th/File_download/Nci_news/C-in-T-XI-B.pdf
-
National Comprehensive Cancer Network. (2024). NCCN Clinical Practice Guidelines in Oncology (NCCN Guidelines®) for Breast Cancer. Version 4.2024. Retrieved September 30, 2025, from NCCN.org.
-
Sung, H., Ferlay, J., Siegel, R. L., Laversanne, M., Soerjomataram, I., Jemal, A., & Bray, F. (2021). Global cancer statistics 2020: GLOBOCAN estimates of incidence and mortality worldwide for 36 cancers in 185 countries. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 71(3), 209–249. https://doi.org/10.3322/caac.21660
-
Tai, Y. C., Domchek, S., Parmigiani, G., & Chen, S. (2007). Breast cancer risk among male BRCA1 and BRCA2 mutation carriers. Journal of the National Cancer Institute, 99(23), 1811–1814. https://doi.org/10.1093/jnci/djm203
-
Wang, F., He, Q., & Wang, J. (2021). Comparison of clinicopathological features and prognosis in male and female breast cancer. Scientific Reports, 11(1), 16183. https://doi.org/10.1038/s41598-021-95562-4
