มะเร็งผิวหนัง

มะเร็งผิวหนัง สังเกตตัวเองได้

Views

มะเร็งผิวหนัง เราสังเกตเองได้ “หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง” หลายคนคงได้ยินคำนี้กันบ่อยแล้วนะครับ และตัวหมอ (ร้อยเอก นายแพทย์สุรชา ลีลายุทธการ) เองก็เชื่ออย่างยิ่งว่าเป็นอย่างนั้น

แต่เรื่องที่หมอจะเล่าให้ฟัง กลับเป็นสิ่งที่คนเป็นแพทย์พบบ่อย และหลายคนก็ยอมรับกับหมอตรงๆ ว่า เป็นเช่นนั้น ที่เมื่อสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างในร่างกาย หลายคนมักบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า!” แล้วปล่อยทิ้งข้อสังเกตนั้นไป มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อความผิดปกติก่ออาการชัดและรบกวนการใช้ชีวิต …ที่สำคัญ หลายโรคลุกลามจนเกินเยียวยาด้วย

“ไฝ – ปาน” ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องสังเกต

อาจเป็นเคสที่ส่วนตัวนิดนะครับ เพราะเป็นเรื่องราวของคุณแม่เพื่อนสนิทของหมอเอง ซึ่งในบรรดาเพื่อนสนิทจะทราบดีว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นนักเดินทางตัวจริง เพราะท่านชื่นชอบการท่องเที่ยวมาก จะไปเป็นกลุ่มกับครอบครัวหรือเพื่อน หรือไปเดี่ยวกับทัวร์ แม่ไม่เคยเกี่ยง เกี่ยงอยู่อย่างเดียวก็คือ การไปเที่ยวที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายนี่แหละ ทั้งที่ราคาค่าตรวจร่างกายถูกกว่าค่าทัวร์ต่างประเทศของแม่เป็นไหนๆAdvertisement

เพราะความไม่ชอบตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนี่แหละ ทำให้ลูกชายคนเดียวมักชวนแม่มาเที่ยวหาผม เพื่อพูดคุยตามประสาคนสนิทและเป็นการตรวจร่างกายไปในตัวเสมอ จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คู่แม่ลูกก็มาพบผมอย่างที่ทำเป็นประจำทุกๆ 2 – 3 เดือน ต่างกันตรงรอบนี้สีหน้าเพื่อนดูกังวล เมื่อถามจึงบอกว่า แม่มีอาการคันตรงปานที่ต้นขาด้านใน เพื่อนสังเกตว่าปานมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่แม่กลับไม่คิดอย่างนั้น

“โอ๊ย ปานดำนี่แม่มีมาตั้งแต่เกิดแล้วหมอ เราโตขึ้น ปานก็โตขึ้นตามตัวเรานี่แหละ ไม่มีอะไรหรอก”

มะเร็งผิวหนัง มะเร็ง โรคผิวหนัง ผิวหนัง

แต่เพื่อนบอกว่า ระยะหลังแม่เกาตรงปานบ่อย สลับกับการเอายาหม่องน้ำมาทาๆ เพื่อให้อาการคันทุเลาลง แต่อาการคันก็ไม่เคยหายขาด บางครั้งก็เกาจนเลือดออก แม่จึงเกาๆ ทาๆ แบบนี้มาระยะหนึ่ง ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังบอกว่า “ไม่มีอะไรหรอก” เรื่อยไป จนเพื่อนทนไม่ได้ เลยพามาปรึกษาผมซึ่งเป็นหมอคนเดียวที่แม่ยอมมาหา เพราะเหมือนมาเยี่ยมลูกหลาน ไม่เหมือนการไปตรวจร่างกาย

ผมลองสังเกตและสัมผัสดู พบความผิดปกติ 2 อย่างซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย

หนึ่ง คือ เมื่อมองจากด้านบนลงไป รูปทรงของปานดูแปลกๆ ต่างจากปานทั่วไปที่จะขยายออกด้านข้างในลักษณะที่ค่อนข้างสมดุล แต่ปานของแม่หยึกหยักยึกยือและไม่สมดุลเลย

สอง คือ เมื่อมองจากด้านข้างรู้สึกว่าผิวไม่เรียบ เมื่อสัมผัสก็รู้สึกว่าขรุขระ เป็นตะปุ่มตะปํ่าคล้ายเปลือกส้ม ทั้งที่ปานทั่วไปต้องผิวเรียบ

พบลักษณะ 2 ข้อนี้ ผมเองก็ค่อนข้างมั่นใจเหมือนเพื่อนว่าสัญญาณไม่ดีแน่ๆ แต่จะให้ชัวร์ควรพบหมอเฉพาะทางด้านผิวหนังจะดีที่สุด จึงแนะนำเพื่อนให้พาแม่ไปพบเพื่อนหมอที่เป็นแพทย์ผิวหนังฝีมือเยี่ยมท่านหนึ่ง ซึ่งเพื่อนหมอท่านนี้ก็แนะนำให้ตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy)ไปส่งตรวจทันที

ผล คือ แม่เป็น “โรคมะเร็งผิวหนังชนิดเบซอลเซลล์คาร์ซิโนมา” (Basal Cell Carcinoma) ครับ

มะเร็งผิวหนัง มะเร็ง โรคผิวหนัง ผิวหนัง

เมื่อทราบผลตรวจ ทั้งแม่และเพื่อนตกใจมาก แต่โชคยังดีที่มะเร็งชนิดนี้เป็นชนิดที่ไม่รุนแรงมากและตรวจพบได้เร็ว อาการจึงยังอยู่ในระยะเริ่มต้น (Stage 0) ยังไม่มีการลุกลามแพร่กระจายไปที่ร่างกายส่วนอื่น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นคุณหมอก็ไม่ไว้วางใจ ส่งตรวจเอกซเรย์ทั่วร่างกาย แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ

กระบวนการต่อมาคือ การผ่าตัดคว้านเอาเนื้อบริเวณที่เป็นปานออกซึ่งก็กว้างพอสมควรและตัดต่อมน้ำเหลืองบางส่วน จากนั้นก็นำเนื้อบริเวณสะโพกมาปิดบริเวณที่คว้าน และนำเนื้อบริเวณที่เกิดมะเร็งไปตรวจชิ้นเนื้อโดยละเอียด เพราะในมะเร็งผิวหนังปื้นเดียวอาจพบเซลล์มะเร็ง 2 ชนิดได้

โชคดีที่ท้ายสุดก็ไม่พบความผิดปกติอื่นใด จึงเหลือเพียงรักษาตามอาการจนหายและตรวจร่างกายอย่างต่อเนื่อง นี่ก็ผ่านมาเกือบปี อาการแม่ดีขึ้นตามลำดับ จนเป็นปกติและเตรียมออกท่องเที่ยวต่อได้

“สารทาภายนอก” อาจเป็นโทษได้ หากใช้ผิด

จากเหตุการณ์นี้ หมอว่ามีข้อเตือนใจให้ฉุกคิดหลายอย่าง นอกจากการพบแพทย์เมื่อเกิดภาวะผิดปกติขึ้นในร่างกาย อย่าละเลยแล้ว ยังมีอีก 2 ประการที่หมอว่าควรให้ความสำคัญ

ประการแรก คือ การนำสารทาภายนอก ไม่ว่าจะเป็นครีมหน้าขาว ครีมปรับสีผิว ครีมแก้คันต่างๆ ไปทาบริเวณปาน ไฝ หรือแผลเป็น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะมีผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แล้วว่า สารทาภายนอกอาจไปกระตุ้นให้เซลล์บริเวณนั้นเกิดการแบ่งตัวผิดปกตินำไปสู่การเป็นมะเร็งผิวหนังได้

อย่างในกรณีของคุณแม่ท่านนี้ เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ท่านเป็นคนติดยาดม โดยเฉพาะยาหม่องน้ำแบบลูกกลิ้งนี่ชอบมาก ทาถูสูดดมสะดวก แมลงสัตว์กัดต่อยตรงไหนก็ทาถูได้อีก จนเมื่อรู้สึกคันบริเวณปานก็เลยนำมาทาบริเวณปานที่คันด้วย ซึ่งยาดมยาทาสมุนไพรกลุ่มนี้จริงๆ แล้วใช้ได้ปกติไม่อันตราย แต่เมื่อแม่มีการเการ่วมด้วยจนเกิดแผล เกิดเลือดออก ตัวยาที่ซึมเข้าไปในแผลก็อาจเข้าไปกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติได้

ประการที่สอง คือ ตรวจร่างกายเป็นประจำสำคัญเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสการพบความผิดปกติและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้ทันเวลา โดยเฉพาะในเพศหญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยสูงอายุ การตรวจภายใน ตรวจเต้านม และตรวจโรคอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ อย่ารอให้ลูกๆ รบเร้ากันจนอ่อนใจเลยครับ

คิดตามผมว่า…หากมะเร็งที่แม่เป็นเป็นชนิดที่ร้ายแรงกว่านี้ การที่แม่เลี่ยงไม่ไปตรวจร่างกายอาจทำให้จุดจบของเรื่องนี้เศร้ากว่าที่เป็นอยู่ก็ได้นะครับ

ข้อมูลจาก ร้อยเอก นายแพทย์สุรชา ลีลายุทธการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย

คอลัมน์ DR. TALK นิตยสารชีวจิต ฉบับ 510

ที่มา Sanook.com


Leave a Reply