มะเร็งเต้านมเบต้ากลูแคน

6 สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม

Views
  • หากคุณผู้หญิงคลำเจอก้อนที่เต้านม หรือ ใต้รักแร้ ทั้งที่กดเจ็บหรือไม่เจ็บ ควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรค มะเร็งเต้านม เพราะหากมีความผิดปกติจะสามารถรักษาให้หายขาดได้
  • คุณผู้หญิงควรตรวจเต้านมด้วยตัวเอง เป็นประจำทุกเดือน หลังหมดประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์

มะเร็ง โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนมากมายโดยเฉพาะ มะเร็งเต้านม ภัยร้ายสำหรับผู้หญิง

แม้ว่า มะเร็งเต้านม จะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยมากเป็นอันดับ 1 ก็ตาม แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา ก็สามารถหายขาดจากโรคได้

ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม มักไม่มีอาการเริ่มแรกแสดงให้เห็น อาจคลำพบเพียงก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หรือใต้รักแร้ อาจกดเจ็บหรือไม่ก็ได้ ผู้หญิงหลายคนจึงมองข้ามคิดว่าเป็นเรื่องปกติ จนโรคมะเร็งร้ายลุกลามมากแล้ว จึงค่อยตัดสินใจพบแพทย์ ส่งผลให้การรักษาล่าช้าและอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

ใครที่ควรตรวจ

 กลุ่มทั่วไป (ความเสี่ยงปานกลาง)

  • ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเริ่มตรวจแมมโมแกรมทุก 1–2 ปี
  • ผู้หญิงอายุ 50–74 ปี ควรตรวจแมมโมแกรมทุก 2 ปีอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอื่นๆ ควรเริ่มตรวจ ผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้ ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 25–30 ปี และอาจเสริมด้วย MRI

  1. มีญาติสายตรง (แม่, พี่สาว, น้องสาว, บุตรสาว) เป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่
  2. ญาติสายตรงมีการกลายพันธุกรรม BRCA1 หรือ BRCA2 เป็นบวก
  3. เคยได้รับรังสี (Radiation therapy) บริเวณทรวงอกช่วงอายุ 10–30 ปี เช่น รักษา lymphoma
  4. เคยได้รับฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) เป็นเวลานาน เช่น ในผู้หญิงข้ามเพศ หรือ HRT หลังวัยหมดประจำเดือน
  5. มีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมเองมาก่อน
  6. เคยตรวจชิ้นเนื้อแล้วพบภาวะเสี่ยงสูง เช่น  Atypical Ductal Hyperplasia (ADH) และ Lobular Carcinoma in Situ (LCIS)

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ

  • เคยเป็นเนื้องอกบางชนิดที่เคยรับการตรวจว่ามีความเสี่ยง เช่น   Atypical Ductal Hyperplasia (ADH) และ Lobular Carcinoma in Situ (LCIS)
  • การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เพิ่มความเสี่ยงราว 7–10% ต่อการดื่ม 1 แก้ว/วัน
  • โรคอ้วน โดยเฉพาะหลังหมดประจำเดือน เพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งกระตุ้นเซลล์มะเร็งเต้านม
  • ไม่ออกกำลังกาย หรือใช้ชีวิตแบบ

สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม ที่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง มีดังนี้

1. คลำพบก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หรือใต้รักแร้ 

สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านเป็นประจำ โดยก้อนเนื้อที่พบอาจจะกดเจ็บ หรือไม่เจ็บก็ได้ ผู้หญิงทุกคนควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือนหลังรอบเดือนหมด ประมาณ 1 สัปดาห์

2. ขนาดหรือรูปร่างของเต้านมเปลี่ยนไป 

แม้ปกติเต้านมทั้ง 2 ข้างอาจมีขนาดและรูปร่างที่ต่างกันบ้าง แต่การหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเต้านมข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างมีลักษณะผิดปกติไปจากเดิม จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้เท่าทันหากเกิดโรคร้ายตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

3. ผิวหนังที่เต้านมบุ๋มลงไปคล้ายลักยิ้ม หรือ บวมหนา เหมือนเปลือกส้ม

รวมถึงสีหรือผิวหนังบริเวณลานหัวนมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ละเอียด เนื่องจากอาจเป็นอาการของเซลล์มะเร็งที่ลุกลามมาถึงชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง

4. มีน้ำเหลือง หรือ ของเหลวไหลออกมาจากหัวนม 

โดยเฉพาะหากพบว่าน้ำเหลืองหรือของเหลวไหลนั้นมีสีคล้ายเลือด และออกจากหัวนมเพียงรูเดียว ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเต้านมโดยละเอียด

5. อาการเจ็บผิดปกติที่เต้านม หรือ ผิวหนังของเต้านมอักเสบ 

หากมีอาการเจ็บเต้านมโดยที่ไม่ใช่ช่วงมีประจำเดือน หรือพบว่าผิวหนังรอบๆ เต้านมบวมแดงอักเสบ โดยเฉพาะเมื่อคลำพบก้อนเนื้อร่วมด้วย อย่าละเลยว่าเป็นเรื่องธรรมดาเด็ดขาด

6. ผื่นคันบริเวณเต้านมรักษาแล้วไม่หายขาด 

ผื่นคันอาจเกิดขึ้นที่หัวนมหรือบริเวณเต้าส่วนใหญ่ เริ่มต้นเป็นเพียงผื่นแดงแสบๆ คันๆ แม้จะรักษาโดยแพทย์ผิวหนังแล้วยังไม่หายขาดจนกลายเป็นแผลตกสะเก็ดแข็ง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมอีกครั้ง เนื่องจากอาจเกิดจากเซลล์มะเร็งลามขึ้นมาที่ผิวหนังด้านบนบริเวณหัวนมหรือเต้านมแล้ว

ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม โดยมีปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงมากมาย ทั้งอายุ พันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต การป้องกันที่ดีคือหมั่นสำรวจความผิดปกติของร่างกายและเต้านมสม่ำเสมอ หากพบสัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

ขอบคุณนพ. ชนินทร์ อภิวาณิชย์ โรงบาลสมิติเวช

Leave a Reply