รู้เท่าทันมะเร็งเต้านม: อัปเดตแนวทางการตรวจเต้านมสู่ “การตระหนักรู้” ตามหลักฐานสากล
มะเร็งเต้านม ยังคงเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทยและทั่วโลก (Sung et al., 2021) และมีแนวโน้มที่อุบัติการณ์จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (National Cancer Institute, 2022) การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นคือหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาให้หายขาดได้ ด้วยเหตุนี้ การส่งเสริมให้ผู้หญิงใส่ใจดูแลสุขภาพเต้านมของตนเองจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัติได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ซึ่งจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
ปรับมุมมองใหม่: จาก “การตรวจเต้านมด้วยตนเอง” สู่ “การตระหนักรู้ถึงความปกติของเต้านม”
ในอดีตมีการรณรงค์ให้ผู้หญิงทำการ “ตรวจเต้านมด้วยตนเอง” (Breast Self-Examination – BSE) อย่างเป็นแบบแผนและเคร่งครัดทุกเดือน อย่างไรก็ตาม การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบจากงานวิจัยขนาดใหญ่จำนวนมากโดย Cochrane ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่น่าเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้ข้อสรุปที่สำคัญว่า:
การสอนให้ผู้หญิงตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ ไม่ได้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับเพิ่มจำนวนการผ่าตัดชิ้นเนื้อในภาวะที่ไม่ใช่มะเร็ง (Benign Biopsies) และเพิ่มความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น (Kösters & Gøtzsche, 2003)
ด้วยเหตุนี้ องค์กรด้านสุขภาพชั้นนำระดับโลก เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) และ สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (ACS) จึงได้เปลี่ยนคำแนะนำจากการเน้น “วิธีการตรวจ” ที่ตายตัว มาเป็นการส่งเสริม “การตระหนักรู้ถึงความปกติของเต้านมตนเอง” (Breast Self-Awareness – BSA) (WHO, 2023; American Cancer Society, 2024)
Breast Self-Awareness หมายถึง การที่ผู้หญิงมีความคุ้นเคยและรู้ว่าเต้านมปกติของตนเองมีลักษณะและให้ความรู้สึกอย่างไร เพื่อที่จะสามารถสังเกตเห็น “ความเปลี่ยนแปลง” ที่ผิดปกติไปจากเดิมได้อย่างรวดเร็ว และรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
จะ “ตระหนักรู้” ถึงเต้านมของตนเองได้อย่างไร?
คุณสามารถใช้วิธีการดูและคลำแบบดั้งเดิมเพื่อ “ทำความคุ้นเคย” กับร่างกายของตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนที่เคร่งครัดทุกเดือน แต่ให้ทำเมื่อรู้สึกสะดวก เช่น:
-
ดูหน้ากระจก: สังเกตลักษณะทั่วไปของเต้านมในท่าต่างๆ (ปล่อยแขน, ยกแขน, เท้าสะเอว) เพื่อดูรูปร่าง, ขนาด, สีผิว, รอยบุ๋ม, หรือความเปลี่ยนแปลงของหัวนม
-
ขณะอาบน้ำ: ใช้สบู่ช่วยให้การสัมผัสลื่นขึ้น แล้วใช้ปลายนิ้วคลำให้ทั่วเต้านมและบริเวณรักแร้
-
ท่านอน: นอนราบและใช้มือคลำเต้านมฝั่งตรงข้ามให้ทั่วถึง
เป้าหมายไม่ใช่การ “หา” มะเร็ง แต่คือการ “รู้จัก” ร่างกายของตัวเอง เพื่อให้เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น คุณจะเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น
3 เสาหลักของยุทธศาสตร์การตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น
การตระหนักรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แนวทางการป้องกันมะเร็งเต้านมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามคำแนะนำสากล ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ (Oeffinger et al., 2015):
-
การตระหนักรู้ถึงเต้านมตนเอง (BSA): เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงและพบแพทย์ได้ทันท่วงที
-
การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Exam – CBE): การตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญยังคงมีความสำคัญ และควรเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปี
-
การตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรม (Screening Mammogram): เป็นเครื่องมือเดียวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ (Nelson et al., 2016) เพราะสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ในระดับมิลลิเมตร ก่อนที่จะมีอาการหรือคลำพบก้อน ผู้หญิงทั่วไปควรเริ่มทำแมมโมแกรมเป็นประจำทุกปีเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป
สัญญาณผิดปกติที่ต้องรีบพบแพทย์
หากคุณสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์ทันที (National Cancer Institute, 2024):
-
คลำพบก้อนหนา หรือไตแข็ง บริเวณเต้านมหรือใต้รักแร้
-
ขนาดหรือรูปร่างของเต้านมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
-
หัวนมบุ๋มหรือถูกดึงรั้งเข้าไป
-
มีของเหลวผิดปกติไหลออกจากหัวนม (โดยเฉพาะของเหลวที่เป็นเลือด)
-
ผิวหนังเปลี่ยนแปลง เช่น รอยบุ๋ม, รอยย่น, บวมหนา, แดง หรือเป็นแผล
ข้อควรทราบ: หากคลำพบก้อน อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ก้อนที่พบในเต้านมกว่า 80% ไม่ใช่มะเร็ง (Stanford Medicine) แต่จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องเสมอ
วิธีลดความเสี่ยง “มะเร็งเต้านม”
นอกจากการตรวจคัดกรองแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยังช่วยลดความเสี่ยงได้ โดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนสนับสนุน (World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research, 2018):
-
รักษาน้ำหนักตัว ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
-
ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ
-
จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี
-
หลีกเลี่ยงการใช้ยาฮอร์โมนเพศหญิง โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และไม่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)
-
American Cancer Society. (2024). American Cancer Society Recommendations for the Early Detection of Breast Cancer. Retrieved September 30, 2025, from https://www.cancer.org/cancer/types/breast-cancer/screening-tests-and-early-detection/american-cancer-society-recommendations-for-the-early-detection-of-breast-cancer.html
-
Kösters, J. P., & Gøtzsche, P. C. (2003). Regular self-examination or clinical examination for early detection of breast cancer. Cochrane Database of Systematic Reviews, 2003(2), CD003373. https://doi.org/10.1002/14651858.CD003373 (งานวิจัยหลักที่ชี้ให้เห็นข้อจำกัดของ BSE)
-
National Cancer Institute. (2022). Hospital Based Cancer Registry Annual Report 2021. Ministry of Public Health, Thailand. http://www.nci.go.th/th/File_download/Nci_news/hospital-based%20cancer%20registry%202021.pdf
-
National Cancer Institute. (2024). Breast Cancer Prevention (PDQ®)–Patient Version. Retrieved September 30, 2025, from https://www.cancer.gov/types/breast/patient/breast-prevention-pdq
-
Nelson, H. D., Fu, R., Cantor, A., Pappas, M., Daeges, M., & Humphrey, L. (2016). Effectiveness of breast cancer screening: systematic review and meta-analysis to update the 2009 U.S. Preventive Services Task Force recommendation. Annals of Internal Medicine, 164(4), 244–255. https://doi.org/10.7326/M15-0969
-
Oeffinger, K. C., Fontham, E. T., Etzioni, R., Herzig, A., Michaelson, J. S., Shih, Y. C., … & Wender, R. (2015). Breast cancer screening for women at average risk: 2015 guideline update from the American Cancer Society. JAMA, 314(15), 1599–1614. https://doi.org/10.1001/jama.2015.12783
-
Stanford Medicine. (n.d.). Benign Breast Conditions. Retrieved September 30, 2025, from https://stanfordhealthcare.org/medical-conditions/womens-health/benign-breast-conditions.html
-
Sung, H., Ferlay, J., Siegel, R. L., Laversanne, M., Soerjomataram, I., Jemal, A., & Bray, F. (2021). Global cancer statistics 2020: GLOBOCAN estimates of incidence and mortality worldwide for 36 cancers in 185 countries. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 71(3), 209–249. https://doi.org/10.3322/caac.21660
-
World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research. (2018). Diet, Nutrition, Physical Activity and Cancer: A Global Perspective. Continuous Update Project Expert Report 2018. https://www.wcrf.org/diet-activity-and-cancer/
-
World Health Organization (WHO). (2023, July 12). Breast cancer. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/breast-cancer
