มะเร็งเต้านม

คลำพบ “ก้อนเนื้อที่เต้านม” กลิ้งได้ อันตรายแค่ไหน?

Views

“คลำเจอก้อนที่เต้านม แต่ไม่เจ็บ” สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านมที่ห้ามละเลย

เป็นที่ทราบกันดีว่าอุบัติการณ์ของ “มะเร็งเต้านม” ในผู้หญิงไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาการที่นำผู้หญิงส่วนใหญ่มาพบแพทย์คือการคลำพบ “ก้อนเนื้อที่เต้านม” อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ หากก้อนนั้นไม่มีอาการเจ็บปวดก็ไม่น่าจะเป็นอันตราย ซึ่งเป็นความเชื่อที่คลาดเคลื่อนและอาจนำไปสู่การวินิจฉัยโรคที่ล่าช้า บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักฐานทางการแพทย์เกี่ยวกับก้อนที่เต้านมและแนวทางการวินิจฉัยที่เหมาะสม

ทำไม “ก้อนไม่เจ็บ” จึงน่ากังวลกว่า?

อาการเจ็บเต้านม (Mastalgia) ส่วนใหญ่มักสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามรอบประจำเดือน หรืออาจเกิดจากซีสต์ (ถุงน้ำ) มากกว่าที่จะเป็นสัญญาณของมะเร็ง ในทางตรงกันข้าม ข้อมูลทางคลินิกชี้ให้เห็นว่า ก้อนมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นส่วนใหญ่ (กว่า 80-90%) มักไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด (Sauter, 2024) ผู้ป่วยมักจะมาด้วยอาการคลำพบก้อนแข็ง ขอบเขตไม่ชัดเจน และไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ง่าย การไม่มีอาการเจ็บจึงทำให้หลายคนชะล่าใจและปล่อยทิ้งไว้จนโรคเข้าสู่ระยะลุกลาม

ประเภทของก้อนที่เต้านมที่พบบ่อย

เมื่อคลำพบก้อนที่เต้านม มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคใน 3 กลุ่มหลัก ดังนี้:

  1. ซีสต์เต้านม (Breast Cysts): เป็นถุงน้ำที่มักพบในผู้หญิงวัย 35-50 ปี อาจมีขนาดเปลี่ยนแปลงตามรอบเดือนและมักก่อให้เกิดอาการเจ็บ โดยทั่วไปไม่เป็นอันตราย
  2. เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (Benign Tumors): ที่พบบ่อยที่สุดคือ ไฟโบรอะดีโนมา (Fibroadenoma) ซึ่งเป็นก้อนเนื้อเรียบ กลม เคลื่อนที่ได้ดี และมักไม่เจ็บ พบมากในผู้หญิงอายุน้อย (Tevaarwerk & Cady, 2024)
  3. มะเร็งเต้านม (Breast Cancer): เป็นก้อนเนื้อร้ายที่เกิดจากการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเร่งด่วน

เนื่องจากลักษณะทางกายภาพเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแยกโรคทั้งสามกลุ่มนี้ออกจากกันได้อย่างแน่นอน การพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น

อุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทยและทั่วโลก มีความสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ทั้งปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ เช่น การมีอายุมากขึ้น, การเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตไปสู่สังคมเมือง, ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนที่เพิ่มขึ้น, การดื่มแอลกอฮอล์ และปัจจัยทางพันธุกรรม (Sung et al., 2021; World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research, 2018)

การตระหนักรู้และการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งสามารถทำได้โดย:

  • การตระหนักรู้ถึงความปกติของเต้านมตนเอง (Breast Self-Awareness): แนวทางปัจจุบันเน้นให้ผู้หญิงคุ้นเคยกับลักษณะเต้านมของตนเอง เพื่อให้สามารถสังเกตเห็น “ความเปลี่ยนแปลง” ที่ผิดปกติไปจากเดิมได้ ไม่ว่าจะเป็นก้อนเนื้อ, การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังหรือหัวนม หรืออาการอื่นๆ (American Cancer Society, 2024) หากพบความผิดปกติใดๆ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
  • กระบวนการวินิจฉัยทางการแพทย์ (Triple Assessment): เมื่อไปพบแพทย์ กระบวนการมาตรฐานสากลในการวินิจฉัยก้อนที่เต้านมเรียกว่า “Triple Assessment” ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอน และมีความแม่นยำในการวินิจฉัยสูงถึง 99% (Khamis et al., 2021):
    1. การซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์ (Clinical Examination): แพทย์จะซักถามข้อมูลและตรวจคลำเต้านมและต่อมน้ำเหลืองอย่างละเอียด
    2. การตรวจทางรังสีวิทยา (Imaging):
      • อัลตราซาวด์ (Ultrasound): เป็นการตรวจแรกที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงอายุน้อยกว่า 35-40 ปี และใช้เพื่อแยกลักษณะของก้อนว่าเป็นถุงน้ำหรือก้อนเนื้อ (Mann et al., 2010)
      • ดิจิทัลแมมโมแกรม (Digital Mammogram): เป็นการตรวจมาตรฐานสำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป และมีประสิทธิภาพสูงในการตรวจหากลุ่มหินปูนซึ่งอาจเป็นสัญญาณแรกของมะเร็ง (Lehman et al., 2017)
    3. การเจาะชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจ (Biopsy): หากการตรวจทางรังสีพบความผิดปกติที่น่าสงสัย ขั้นตอนที่จำเป็นที่สุดคือการเจาะชิ้นเนื้อ (Core Needle Biopsy) ซึ่งเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเอาชิ้นเนื้อจากก้อนไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อยืนยันผลการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ (ACR–SPR–SSR Practice Parameter for the Performance of Ultrasound-Guided Percutaneous Breast Interventional Procedures, 2021)

สรุป: การคลำพบก้อนที่เต้านม โดยเฉพาะก้อนที่ไม่เจ็บ เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญซึ่งต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ทันที อย่าปล่อยปะละเลยเพราะคิดว่าไม่เป็นอะไร การตระหนักรู้ถึงความปกติของร่างกายตนเองและเข้าสู่กระบวนการตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็วและถูกต้อง คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้สามารถรักษาโรคมะเร็งเต้านมได้อย่างทันท่วงทีและเพิ่มโอกาสในการกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ


เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)

  1. ACR–SPR–SSR Practice Parameter for the Performance of Ultrasound-Guided Percutaneous Breast Interventional Procedures. (2021). American College of Radiology. Retrieved September 30, 2025, from https://www.acr.org/-/media/ACR/Files/Practice-Parameters/us-guided-breast-biopsy.pdf
  2. American Cancer Society. (2024). American Cancer Society Recommendations for the Early Detection of Breast Cancer. Retrieved September 30, 2025, from https://www.cancer.org/cancer/types/breast-cancer/screening-tests-and-early-detection/american-cancer-society-recommendations-for-the-early-detection-of-breast-cancer.html
  3. Khamis, M. H., Al-Mughaid, H., & Al-Rabghi, A. (2021). Diagnostic accuracy of the triple assessment in the detection of breast cancer. Cureus, 13(9), e18037. https://doi.org/10.7759/cureus.18037
  4. Lehman, C. D., Arao, R. F., Shtern, F., Ciatto, S., Houssami, N., Kerlikowske, K., … & Miglioretti, D. L. (2017). Performance of digital diagnostic mammography in relation to patient age, breast density, and BI-RADS assessment category. Radiology, 283(3), 666–675. https://doi.org/10.1148/radiol.2016161174
  5. Mann, R. M., Kuhl, C. K., Kinkel, K., & Boetes, C. (2010). Breast MRI: guidelines from the European Society of Breast Imaging. European Radiology, 20(6), 1335-1349. (Though about MRI, this guideline discusses the role of ultrasound in younger women). https://doi.org/10.1007/s00330-010-1748-0
  6. Sauter, E. R. (2024). Breast Lump. In StatPearls [Internet]. StatPearls Publishing. Retrieved September 30, 2025, from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK482121/
  7. Sung, H., Ferlay, J., Siegel, R. L., Laversanne, M., Soerjomataram, I., Jemal, A., & Bray, F. (2021). Global cancer statistics 2020: GLOBOCAN estimates of incidence and mortality worldwide for 36 cancers in 185 countries. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 71(3), 209–249. https://doi.org/10.3322/caac.21660
  8. Tevaarwerk, A. J., & Cady, B. (2024). Clinical manifestations, differential diagnosis, and clinical evaluation of a palpable breast mass. In UpToDate. Retrieved September 30, 2025, from https://www.uptodate.com/contents/clinical-manifestations-differential-diagnosis-and-clinical-evaluation-of-a-palpable-breast-mass (Subscription required)
  9. Thornton, H. (2011). Breast awareness and the politics of BSE and breast screening. The Breast, 20(Suppl 3), S103–S106. https://doi.org/10.1016/j.breast.2011.08.005
  10. World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research. (2018). Diet, Nutrition, Physical Activity and Cancer: A Global Perspective. Continuous Update Project Expert Report 2018. https://www.wcrf.org/diet-activity-and-cancer/

Leave a Reply