รู้ทัน “มะเร็งเต้านม” ภัยเงียบของผู้หญิง: อัปเดตข้อมูลความเสี่ยงและการตรวจคัดกรอง
มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทยและทั่วโลก และเป็นภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น (Sung et al., 2021) การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงและแนวทางการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ตรวจพบโรคได้เร็วและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด
ใครบ้างที่มีความเสี่ยง?
มะเร็งเต้านมเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ซับซ้อน โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญหลายประการ:
-
ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้:
-
อายุ: ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตามอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป
-
พันธุกรรมและประวัติครอบครัว: การมีประวัติญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม หรือการมียีนกลายพันธุ์ เช่น BRCA1/2
-
-
ปัจจัยด้านฮอร์โมน: การสัมผัสฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานาน เช่น การมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี, การหมดประจำเดือนช้า, การมีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี หรือไม่เคยมีบุตร และการไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (Collaborative Group on Hormonal Factors in Breast Cancer, 2002)
-
ปัจจัยด้านพฤติกรรม: การดื่มแอลกอฮอล์, ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนหลังวัยหมดประจำเดือน, และการขาดการออกกำลังกาย ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ (World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research, 2018)
ผู้ชายก็เป็นมะเร็งเต้านมได้
แม้จะพบได้น้อยมาก แต่ผู้ชายก็สามารถเป็นมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน โดยคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั้งหมด (American Cancer Society, 2024) อาการที่พบบ่อยคือการคลำพบก้อนใต้หัวนมหรือรักแร้
ปรับแนวคิดใหม่: จาก “การตรวจด้วยตนเอง” สู่ “การตระหนักรู้”
ในอดีตมีการรณรงค์ให้ผู้หญิง “ตรวจเต้านมด้วยตนเอง” (Breast Self-Examination – BSE) อย่างเป็นแบบแผนทุกเดือน อย่างไรก็ตาม การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบจากงานวิจัยขนาดใหญ่โดย Cochrane พบว่าการสอนให้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง ไม่ได้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม แต่กลับเพิ่มจำนวนการผ่าตัดชิ้นเนื้อในภาวะที่ไม่ใช่มะเร็งและเพิ่มความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น (Kösters & Gøtzsche, 2003)
ด้วยเหตุนี้ องค์กรด้านสุขภาพชั้นนำระดับโลก เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้เปลี่ยนคำแนะนำมาเป็นการส่งเสริม “การตระหนักรู้ถึงความปกติของเต้านมตนเอง” (Breast Self-Awareness – BSA) (WHO, 2023) ซึ่งหมายถึงการที่ผู้หญิงมีความคุ้นเคยกับลักษณะเต้านมของตนเอง เพื่อให้สามารถสังเกตเห็น “ความเปลี่ยนแปลง” ที่ผิดปกติไปจากเดิมได้อย่างรวดเร็ว และรีบไปพบแพทย์ทันที
3 เสาหลักของการตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น
แนวทางการป้องกันมะเร็งเต้านมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามคำแนะนำสากล ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ (Oeffinger et al., 2015):
-
การตระหนักรู้ถึงเต้านมตนเอง (BSA): เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงและพบแพทย์ได้ทันท่วงที
-
การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Exam): ควรเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปี
-
การตรวจทางรังสีวิทยา (Imaging):
-
แมมโมแกรม (Mammogram): เป็นเครื่องมือหลักและมีประสิทธิภาพที่สุดในการลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม เหมาะสำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป
-
อัลตราซาวด์ (Ultrasound): มักใช้เป็นการตรวจเสริมจากแมมโมแกรม โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น (Dense Breasts) หรือใช้เป็นเครื่องมือหลักในการตรวจวินิจฉัยก้อนที่คลำได้ในผู้หญิงอายุน้อย (American College of Radiology, 2018)
-
ข้อเท็จจริงเรื่องการเสริมหน้าอกกับมะเร็งเต้านม
-
ไม่เพิ่มความเสี่ยง “มะเร็งเต้านม”: การศึกษาขนาดใหญ่จำนวนมากยืนยันว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยง ของการเกิด “มะเร็งเต้านม” (Breast Carcinoma) (Coroneos et al., 2017) ผู้หญิงที่เสริมหน้าอกสามารถและควรเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมตามปกติ โดยใช้เทคนิคการถ่ายภาพพิเศษ
-
ความเสี่ยงที่แตกต่าง (BIA-ALCL): อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่ “พบได้น้อยมาก” ของการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Breast Implant-Associated Anaplastic Large Cell Lymphoma (BIA-ALCL) ซึ่งเป็นมะเร็งของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดในพังผืดรอบเต้านมเทียม ไม่ใช่เซลล์มะเร็งเต้านมโดยตรง (U.S. Food & Drug Administration, 2019) ควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงนี้ก่อนการผ่าตัด
เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)
-
American Cancer Society. (2024). Key Statistics for Breast Cancer in Men. Retrieved September 30, 2025, from https://www.cancer.org/cancer/types/breast-cancer-in-men/about/key-statistics.html
-
American College of Radiology. (2018). ACR Appropriateness Criteria® Breast Cancer Screening. Retrieved September 30, 2025, from https://acsearch.acr.org/docs/69482/Narrative/
-
Collaborative Group on Hormonal Factors in Breast Cancer. (2002). Breast cancer and breastfeeding: collaborative reanalysis of individual data from 47 epidemiological studies in 30 countries, including 50302 women with breast cancer and 96973 women without the disease. The Lancet, 360(9328), 187-195. https://doi.org/10.1016/s0140-6736(02)09454-0
-
Coroneos, C. J., Selber, J. C., Offodile, A. C., 2nd, Butler, C. E., & Clemens, M. W. (2017). US FDA breast implant postapproval studies: long-term outcomes in 99,993 patients. Annals of Surgery, 269(1), 30-36. https://doi.org/10.1097/SLA.0000000000002990
-
Kösters, J. P., & Gøtzsche, P. C. (2003). Regular self-examination or clinical examination for early detection of breast cancer. Cochrane Database of Systematic Reviews, 2003(2), CD003373. https://doi.org/10.1002/14651858.CD003373
-
Oeffinger, K. C., Fontham, E. T., Etzioni, R., Herzig, A., Michaelson, J. S., Shih, Y. C., … & Wender, R. (2015). Breast cancer screening for women at average risk: 2015 guideline update from the American Cancer Society. JAMA, 314(15), 1599–1614. https://doi.org/10.1001/jama.2015.12783
-
Sung, H., Ferlay, J., Siegel, R. L., Laversanne, M., Soerjomataram, I., Jemal, A., & Bray, F. (2021). Global cancer statistics 2020: GLOBOCAN estimates of incidence and mortality worldwide for 36 cancers in 185 countries. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 71(3), 209–249. https://doi.org/10.3322/caac.21660
-
U.S. Food & Drug Administration. (2019). Medical Device Reports of Breast Implant-Associated Anaplastic Large Cell Lymphoma. Retrieved September 30, 2025, from https://www.fda.gov/medical-devices/breast-implants/medical-device-reports-breast-implant-associated-anaplastic-large-cell-lymphoma
-
World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research. (2018). Diet, Nutrition, Physical Activity and Cancer: A Global Perspective. Continuous Update Project Expert Report 2018. https://www.wcrf.org/diet-activity-and-cancer/
-
World Health Organization (WHO). (2023, July 12). Breast cancer. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/breast-cancer
