ถอดรหัส “มะเร็งเต้านม”: คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อความเข้าใจ ลดความเสี่ยง และรู้ทันโรค
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทยและทั่วโลก (Sung et al., 2021) การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคนี้ ตั้งแต่ปัจจัยเสี่ยง, สัญญาณเตือน, ไปจนถึงแนวทางการตรวจคัดกรองที่ทันสมัย คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถดูแลตัวเองและรู้เท่าทันภัยเงียบนี้ได้
เข้าใจปัจจัยเสี่ยงของคุณ
ความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้และสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้:
-
ปัจจัยเสี่ยงหลักที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้:
-
อายุ: เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นชัดเจนหลังอายุ 50 ปี
-
พันธุกรรม: การมีประวัติญาติสายตรง (แม่, พี่สาว/น้องสาว, ลูกสาว) เป็นมะเร็งเต้านม หรือการมียีนกลายพันธุ์ที่สืบทอดทางพันธุกรรม เช่น BRCA1 และ BRCA2 ซึ่งผู้ที่มียีนนี้กลายพันธุ์อาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมตลอดชีวิตสูงถึง 72% (Kuchenbaecker et al., 2017)
-
-
ปัจจัยด้านฮอร์โมนและพฤติกรรม:
-
ประวัติการเจริญพันธุ์: การมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี, การหมดประจำเดือนช้า, การมีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี หรือการไม่เคยมีบุตร
-
พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การดื่มแอลกอฮอล์, ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน (โดยเฉพาะหลังวัยหมดประจำเดือน), และการขาดการออกกำลังกาย ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ (World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research, 2018)
-
การตรวจหาในระยะเริ่มต้น: ปรับแนวคิดสู่ “การตระหนักรู้”
ในอดีตมีการรณรงค์ให้ “ตรวจเต้านมด้วยตนเอง” (BSE) อย่างเป็นแบบแผนทุกเดือน แต่การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ได้ข้อสรุปว่า วิธีดังกล่าว ไม่ได้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม แต่กลับเพิ่มความวิตกกังวลและการเจาะชิ้นเนื้อโดยไม่จำเป็น (Kösters & Gøtzsche, 2003)
ปัจจุบัน องค์กรสุขภาพทั่วโลก เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงเปลี่ยนมาเน้นที่ “การตระหนักรู้ถึงความปกติของเต้านมตนเอง” (Breast Self-Awareness – BSA) (WHO, 2023) ซึ่งหมายถึงการที่คุณคุ้นเคยกับลักษณะเต้านมของตนเอง เพื่อให้สามารถสังเกตเห็น “ความเปลี่ยนแปลง” ที่ผิดปกติไปจากเดิมได้อย่างรวดเร็ว และรีบไปพบแพทย์ทันที
ยุทธศาสตร์การตรวจพบโรคระยะเริ่มต้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบด้วย 3 เสาหลัก:
-
การตระหนักรู้ถึงเต้านมตนเอง (BSA): สังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเป็นประจำ
-
การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Exam): ควรเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปี
-
การตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรม (Screening Mammogram): เป็นเครื่องมือเดียวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ (Oeffinger et al., 2015) โดยแนะนำให้ผู้หญิงทั่วไปเริ่มตรวจเป็นประจำทุกปีเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม
-
เจ็บเต้านม เสี่ยงเป็นมะเร็งหรือไม่?
ไม่เสมอไป อาการเจ็บเต้านมกว่า 95% ไม่ได้เกิดจากมะเร็ง แต่มักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามรอบเดือน ในทางกลับกัน ก้อนมะเร็งในระยะแรกส่วนใหญ่มักไม่เจ็บ ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่ากังวลกว่า
-
ถุงน้ำ (ซีสต์) ที่เต้านม จะกลายเป็นมะเร็งหรือไม่?
ไม่ “ถุงน้ำธรรมดา” (Simple Cysts) ซึ่งวินิจฉัยได้ชัดเจนด้วยอัลตราซาวด์ เป็นภาวะที่ไม่เป็นอันตรายและ ไม่เพิ่มความเสี่ยง ในการเกิดมะเร็งเต้านมในอนาคต (Hartmann et al., 2005)
-
การตรวจเลือดหรือตรวจยีน สามารถวินิจฉัยมะเร็งเต้านมได้เลยหรือไม่?
ไม่ได้ 1) การตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Markers) เช่น CA 15-3, CEA มีความไวและความจำเพาะต่ำมาก ไม่แนะนำให้ใช้ในการตรวจคัดกรองหรือวินิจฉัยมะเร็งเต้านมระยะแรก (ASCO Guidelines) 2) การตรวจยีน BRCA ใช้เพื่อประเมิน “ความเสี่ยงทางพันธุกรรม” ในอนาคต ไม่ได้ใช้เพื่อวินิจฉัยว่ากำลังเป็นมะเร็งอยู่หรือไม่
-
เสริมหน้าอก เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นหรือไม่?
การศึกษาจำนวนมากยืนยันว่าการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยง ของการเกิด “มะเร็งเต้านม” (Breast Carcinoma) อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่ “พบได้น้อยมาก” ของการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่งที่เรียกว่า BIA-ALCL ซึ่งเกิดในพังผืดรอบเต้านมเทียม (U.S. Food & Drug Administration, 2019)
ความสำคัญของการตรวจพบเร็ว: โอกาสรอดชีวิตที่แตกต่าง
การตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมีผลอย่างมหาศาลต่อโอกาสในการรักษาให้หายขาด:
-
ระยะที่ 0-1 (Localized): มะเร็งยังอยู่เฉพาะที่เต้านม อัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีสูงถึง 99%
-
ระยะที่ 4 (Distant): มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น อัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีลดลงเหลือ 30% (American Cancer Society, 2024)
บทสรุป: อย่าละเลยสัญญาณเตือนใดๆ โดยเฉพาะการคลำพบก้อนที่ไม่เจ็บ การรู้จักร่างกายของตนเอง, พบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายสม่ำเสมอ, และเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมตามวัย คือกุญแจสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากมะเร็งเต้านม
เอกสารอ้างอิง (APA 7th Edition)
-
American Cancer Society. (2024). Cancer Facts & Figures 2024. Atlanta: American Cancer Society. https://www.cancer.org/research/cancer-facts-statistics/all-cancer-facts-figures/2024-cancer-facts-figures.html
-
American Society of Clinical Oncology (ASCO). (2015). Use of Biomarkers to Guide Decisions on Systemic Therapy for Women With Metastatic Breast Cancer: ASCO Guideline. Retrieved from asco.org.
-
Hartmann, L. C., Sellers, T. A., Frost, M. H., Lingle, W. L., Degnim, A. C., Ghosh, K., … & Visscher, D. W. (2005). Benign breast disease and the risk of breast cancer. New England Journal of Medicine, 353(3), 229–237. https://doi.org/10.1056/NEJMoa044383
-
Kösters, J. P., & Gøtzsche, P. C. (2003). Regular self-examination or clinical examination for early detection of breast cancer. Cochrane Database of Systematic Reviews, 2003(2), CD003373. https://doi.org/10.1002/14651858.CD003373
-
Kuchenbaecker, K. B., Hopper, J. L., Barnes, D. R., Phillips, K. A., Mooij, T. M., Roos-Blom, M. J., … & Antoniou, A. C. (2017). Risks of breast, ovarian, and contralateral breast cancer for BRCA1 and BRCA2 mutation carriers. JAMA, 317(23), 2402–2416. https://doi.org/10.1001/jama.2017.7112
-
National Cancer Institute. (2022). Hospital Based Cancer Registry Annual Report 2021. Ministry of Public Health, Thailand. http://www.nci.go.th/th/File_download/Nci_news/hospital-based%20cancer%20registry%202021.pdf
-
Oeffinger, K. C., Fontham, E. T., Etzioni, R., Herzig, A., Michaelson, J. S., Shih, Y. C., … & Wender, R. (2015). Breast cancer screening for women at average risk: 2015 guideline update from the American Cancer Society. JAMA, 314(15), 1599–1614. https://doi.org/10.1001/jama.2015.12783
-
Sung, H., Ferlay, J., Siegel, R. L., Laversanne, M., Soerjomataram, I., Jemal, A., & Bray, F. (2021). Global cancer statistics 2020: GLOBOCAN estimates of incidence and mortality worldwide for 36 cancers in 185 countries. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 71(3), 209–249. https://doi.org/10.3322/caac.21660
-
U.S. Food & Drug Administration. (2019). Medical Device Reports of Breast Implant-Associated Anaplastic Large Cell Lymphoma. Retrieved September 30, 2025, from https://www.fda.gov/medical-devices/breast-implants/medical-device-reports-breast-implant-associated-anaplastic-large-cell-lymphoma
-
World Health Organization (WHO). (2023, July 12). Breast cancer. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/breast-cancer
